Tedros Adhanom ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุ อัตราการตายทั่วโลกจากโรคโควิด-19 สูงถึง 3.4% ถือว่าสูงกว่าที่คาด จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 2% เมื่อเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลแล้วถือว่าเสียชีวิตน้อยกว่า 1% หลังจากติดเชื้อ
#COVID-19 spreads less efficiently than flu, transmission does not appear to be driven by ppl who aren’t sick, it causes more severe illness than flu, there are not yet any vaccines or therapeutics & it can be contained – which is why we must do everything we can to contain it. pic.twitter.com/vRvKTlio1F
— Tedros Adhanom Ghebreyesus (@DrTedros) March 3, 2020
โดย WHO กล่าวว่า อัตราการตายจากโรคโควิด-19 นี้ เพิ่มจาก 0.7% จนใกล้ 4% นี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพระบบสาธารณสุข ซึ่งในช่วงที่เริ่มมีการระบาดของไวรัส นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่ามีอัตราการตายอยู่ที่ 2.3% เป็นไปได้ว่าโรคโควิด-19 นี้ คนยังไม่รู้จักดีพอ มันไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ เมื่อคนไม่รู้จักโรคนี้ดีพอก็จะไม่สามารถรับมือกับการจัดการในการติดเชื้อและการระงับโรคนี้
Tedros กล่าวว่า มันเป็นไวรัสที่มีความเฉพาะตัว และยังมีลักษณะที่ไม่เหมือนใคร ไวรัสไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ขณะที่ Dr. Mike Ryan ผู้อำนวยการบริหาร WHO กล่าวว่า มันเป็นโรคที่ยังไม่มีวัคซีนรักษา ไม่มีวิธีการดูแล และยังไม่เข้าใจการแพร่เชื้อของมัน มันไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ หลายประเทศพยายามต่อสู้กับมันอยู่ ซึ่งก็เริ่มเห็นการยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายบ้างแล้ว
ขณะนี้มีคนติดเชื้อไวรัสกว่า 90,000 รายแล้ว Tedros ระบุว่า อัตราการตาย 90% เกิดขึ้นในจีน ส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลหูเป่ย ขณะที่ประเทศที่ติดเชื้อนอกจีนมี 4 ประเทศหลักๆ คือ เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน และญี่ปุ่นที่กำลังน่ากังวล
ทั้งนี้ จากรายงานโดย UN ที่ระบุไว้ในวันที่ 2 มีนาคม Tedros กล่าวว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อัตราการติดเชื้อไวรัสนอกประเทศจีน พุ่งสูงขึ้นมากกว่าอัตราการติดเชื้อภายในจีน สูงถึง 9 เท่า ขณะนี้ตัวเลขการติดเชื้อในจีนค่อยๆ ลดลงแล้ว
Without secure supply chains, the risk to #healthworkers fighting #COVID19 around the world is real. Industry & governments must act quickly to boost supply, ease export restrictions & put measures in place to stop speculation & hoarding. https://t.co/AvmOAfc6hr #coronavirus
— Tedros Adhanom Ghebreyesus (@DrTedros) March 3, 2020
ล่าสุด Tedros ออกมาบอกว่า ขณะนี้กำลังขาดแคลน PPE หรือ ชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (personal protective equipment) สาเหตุมาจากความต้องการที่สูงมากขึ้น มีการซื้อ PPE มากเพราะความตระหนก ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ต้องพึ่งพาชุดอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อปกป้องตัวเองจากคนไข้จากการติดเชื้อไวรัส
ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ หน้ากากอนามัย หน้ากากป้องกันแก๊สพิษ หน้ากากกันลม แว่นตากันลม เสื้อคลุม ผ้ากันเปื้อน ดังนั้น แพทย์ พยาบาลที่ทำงานอยู่หน้างานจะเผชิญหน้ากับภาวะที่อันตรายมากที่สุด WHO จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เร่งผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ ลดการส่งออก ส่งออกอย่างจำกัด และพยายามใช้เพื่อยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายมากกว่าเดิม เราไม่สามารถหยุดโรคโควิด-19 ได้ หากไม่ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์เป็นอันดับแรก
WHO กล่าวว่า นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดก็ทำให้ราคาของหน้ากากอนามัยสูงขึ้นเป็น 6 เท่า หน้ากากอนามัยแบบ N95 ก็ถีบราคาสูงขึ้นเป็นสามเท่าเช่นกัน มีการประเมินว่าหลังจากโควิด-19 ระบาด ภายใน 1 เดือนมีการใช้หน้ากากอนามัยราว 89 ล้านชิ้น ถุงมือ 76 ล้านคู่ แว่นกันลม 1.6 ล้านชิ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา