Volkswagen ร้องรัฐเยอรมันให้ยุติสนับสนุนเครื่องยนต์ดีเซล และนำเงินมาผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าแทน

เมื่อ Volkswagen เสื่อมเสียชื่อเสียงจากการโกงค่าไอเสียรถยนต์เครื่องดีเซล ไม่แปลกที่เบอร์หนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ของโลกอยากให้เรื่องนี้จางหายไป จึงเดินเครื่องรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ แถมขอให้ยุติสนับสนุนเครื่องยนต์ดีเซลด้วย

ประเทศต้นกำเนิดดีเซลขอหยุดเอง

เยอรมันเป็นประเทศที่ให้กำเนิดรถยนต์เครื่องดีเซล และแบรนด์ผู้ผลิตในประเทศไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Daimler และ BMW ต่างก็มีแผนผลิตรถยนต์เครื่องดีเซลออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต แต่ถึงเครื่องตัวนี้ยังสำคัญอยู่ ทาง Volkswagen กลับไม่มองในทางตรงกันข้าม และอยากให้ลดความสำคัญของเครื่องยนต์ชนิดนี้

Matthias Müller ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Volkswagen แจ้งว่า รัฐบาลเยอรมันต้องหยุดให้การสนับสนุนรถยนต์เครื่องดีเซล เพราะการงดเว้นภาษีเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงรถยนต์ประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น ทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณกว่า 7,800 ล้านยูโร/ปี หรือราว 2.9 แสนล้านบาท

“ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ตัวรถยนต์เครื่องดีเซลก็ไม่ควรถูกสนับสนุนเหมือนในอดีต เพราะตัวเงินดังกล่าวควรไปลงทุนสนับสนุนรถยนต์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม เหมือนกับที่เยอรมัน และประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยุโรปที่ต้องการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า”

ภาพ pixabay.com

หลายประเทศเตรียมยกเลิกเครื่องดีเซล

ทั้งนี้ Matthias Müller ได้เข้ามาแทน Martin Winterkorn ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Volkswagen หลังจากเขาได้ลาออกไปในปี 2558 เพราะตัวบริษัทถูกจับได้ว่าโกงค่าไอเสียของรถยนต์เครื่องดีเซล จากหน่วยงานตรวจสอบของสหรัฐอเมริกา และสร้างความเสียหายให้บริษัทกว่า 25,000 ล้านยูโร

ขณะเดียวกันฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ต่างมีแผนแบนรถยนต์เครื่องดีเซลในปี 2583 ซึ่ง Volkswagen ก็เตรียมเดินเรื่องนี้เต็มสูบ เช่นเมื่อเดือนก.ย. ก็ประกาศแผนลงทุนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่เพื่อนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะในปี 2573 ทางบริษัทจะมีรถยนต์กว่า 300 รุ่นที่มีเครื่องยนต์ไฟฟ้าให้เลือกใช้

สำหรับยอดขายรถยนต์เครื่องดีเซลในประเทศเยอรมันลดลง 17% โดยครองส่วนแบ่งในตลาดที่ 34% ส่วนยอดขายรถยนต์ใช้น้ำมันนั้นเพิ่มขึ้น 28% คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาด 61.7% ดังนั้นก็อยู่ที่ว่าผู้บริโภคจะชอบแบบไหน จะยอมจ่ายแพงเพื่อนำรถยนต์เครื่องดีเซลมาใช้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องติดตามกัน

อ้างอิง // Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา