เปิดตัว vivo X200 Series ชูกล้องเรือธงที่ดีที่สุด ถ่ายชัด จบหลังกล้อง ไม่ต้องปรับแต่ง

หลังจากที่ vivo X100 Pro เปิดตัวในไทยเมื่อต้นปีทีผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับที่เรียกว่า ‘ฮือฮา’ ถึงขั้นเครื่องที่นำมาจำหน่ายในไทยหมดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะอันสั้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ มาถึงเครื่องรุ่นถัดไป vivo รุกเร็ว เปิดตัว X200 Series ในประเทศไทยเร็วขึ้น พร้อมวางจำหน่ายในไทย 4 ธันวาคมนี้ ชูจุดเด่นกล้อง Telephoto Super Stage ‘ซูมชัด ทุกเรื่องราว’ ชัดจบหลังกล้องไม่ต้องปรับแต่ง เอาใจสายคอนเสิร์ต เปิดราคาเริ่มต้น 29,999 บาท ขึ้นแท่นสมาร์ทโฟนเรือธงกล้องที่ดีที่สุดในตอนนี้

ผสานเทคโนโลยีร่วมกับ ZEISS

vivo ได้ร่วมมือกับ ZEISS ในปี 2020 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งชุดเลนส์ภ่ายภาพ การประมวลผล เทคโนโลยีซอฟท์แวร์ต่างๆ ซึ่งทำให้ X200 Series สามารถพัฒนาความสามารถขั้นขีดสุดในการใช้กล้องความละเอียด 50MP ทุกเลนส์ ตั้งแต่กล้องหลัก ZEISS VCS Ture Color, กล้อง ZEISS Telephoto, ไปจนถึงกล้อง Ultra-Wide Angle มุมมองกว้าง 119 องศา รวมไปถึงเทคโนโลยีการอัปเกรดกล้อง ZEISS APO Telephoto ความละเอียดสูง 200MP ครั้งแรกของวงการสมาร์ตโฟนบน X200 Pro ที่สามารถซูมได้ไกลถึง 50x โดยไม่เสียรายละเอียดภาพ เสริมด้วยฟีเจอร์ High-Quality Imaging ที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาซัพพอร์ตการจับภาพการเคลื่อนไหวบนเวทีได้อย่างแม่นยำ แถมตัวช่วยสลับไปยังโหมด Telephoto Super Stage อัตโนมัติ และฟังก์ชัน Zero-Shutter-Lag Motion Snapshot ให้ผู้ใช้งานไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ สามารถบันทึกภาพการแสดงอย่างคมชัดได้ทันที

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ZEISS Multifocal Portrait พร้อมตัวเลือกระยะโฟกัส 85 มม. และ 135 มม. เพื่อสายพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ รวมถึงเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบ ZEISS T* Coating ที่ช่วยลดการสะท้อน ลดการเกิดภาพโกสต์หรือแสงแฟลร์ ให้ภาพคมชัด ใสเคลียร์

ถือว่า vivo X200 Series เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ลดข้อจำกัดการถ่ายภาพจากการซูมระยะไกล ในพื้นที่ที่มีแสงน้อย และมีความเคลื่อนไหว โดยสามารถเก็บภาพได้มีความคมชัด ร่วมกับการประมวลผลของภาพด้วยชิปเซ็ตเรือธงแบบคู่ ผสานความทรงพลังของชิปประมวลผลหลัก MediaTek Dimensity 9400 ผสานการทำงานกับ vivo BlueChip และชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษ V3+ การันตีประสิทธิภาพการทำงานแข็งแกร่งเหนือระดับ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 30%

เปิดราคาเริ่มต้นที่ 29,999 บาท พร้อมวางจำหน่าย 4 ธันวาคมนี้

vivo X200 Series เปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่น โดยในรุ่น X200 Pro มาพร้อมกับ 2 สีใหม่ Midnight Black สีดำด้าน และสี Titanium Gray สีเทาขัดเงา ในขณะที่รุ่น X200 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Aurora Green สีเขียว Ocean Blue สีน้ำเงินเข้ม และสี Midnight Black สีดำด้าน โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้

  • vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท
  • vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท

โดยผู้ที่สั่งซื้อทั้งสองรุ่น จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุด 17,187 บาท วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2024 เป็นต้นไป ณ ร้านค้า Official Shop ทั่วประเทศ

ท้าพิสูจน์ความสามารถการซูมชัด ทุกเรื่องราว เล่นใหญ่ จัดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ ‘ZOOMTOPIA’

ถือเป็นครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟนไทย ที่จัดคอนเสิร์ต ZOOMTOPIA Presented by vivo X200 Series คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบจาก vivo เพื่อท้าพิสูจน์ความสามารถการซูมของ vivo X200 Series โดยร่วมมือกับค่าย LOVEiS Entertainment ขนทัพเหล่าศิลปินระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็น นนท์ ธนนท์ – MEAN และ Polycat ภายใต้แนวคิด “ซูมชัด ทุกเรื่องราว” หรือ “ZEISS Image, Go Far” ยกระดับประสบการณ์ใหม่แห่งการซูม โดดเด่นทุกคอนเทนต์เหมือนไปยืนเกาะขอบเวที กับกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียดสูงถึง 200MP ครั้งแรกในวงการสมาร์ทโฟนในรุ่น X200 Pro ซูมถ่ายภาพคอนเสิร์ตได้ไกลสูงสุด 50x แบบไม่เสียรายละเอียดภาพ ถือว่าเป็นการเล่นใหญ่ และท้าทายความสามารถของการถ่ายภาพคอนเสิร์ตในที่มืด ระยะไกล ได้เป็นอย่างดี

กล้องสวย ถ่ายชัด จบหลังกล้อง เทรนด์สมาร์ทโฟนใหม่ 2025 / เมื่อ OPPO Find X8 Pro พลาดท่าโดยสิ้นเชิง

จะเห็นได้ว่า การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในครึ่งปีหลัง 2024 ทุกแบรนด์ของสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงจะเน้นความสามารถของกล้องถ่ายภาพ โดยชูความเป็น Co Engineering กับแบรนด์กล้องชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi 14T Series ที่ได้ร่วมมือกับ Leica ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา OPPO Find X8 Series กับ Hasselblad ที่ได้เปิดตัวในไทยช่วงเวลาไล่เลี่ยกับ vivo X200 Series ที่ร่วมมือกับ ZEISS ห่างกันไม่ถึงสัปดาห์ ทุกแบรนด์ต่างพยายามที่จะชูศักยภาพของกล้องถ่ายภาพ ที่ได้ร่วมมือวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน ที่จะเป็นกล้องที่ได้ภาพ ‘จบหลังกล้อง’ นำมาโพสใช้งานในสื่อโซเชียลได้ทันที ไม่ต้องมาเสียเวลาในการแต่งภาพผ่านแอปกันเหมือนแต่ก่อน

vivo

และยิ่งกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนในแต่ละรุ่น สามารถลงลายน้ำ บ่งบอกที่มาของภาพจากกล้องว่ามาจากแบรนด์ไหน ก็ยิ่งถือเป็นการอวดเบาๆ ให้กับผู้ที่พบเห็นได้อึ้งกับประสิทธิภาพ ซึ่งหากเทียบระหว่าง OPPO Find X8 Series และ vivo X200 Series ที่เปิดตัวไล่เลี่ยกันไม่ถึงสัปดาห์ ถือว่า vivo X200 Series ครองพื้นที่สื่อได้มากกว่า OPPO Find X8 Series อย่างเห็นได้ชัด ด้วยความสามารถของกล้องถ่ายภาพที่กินขาดในทุกมิติเมื่อหากมีการเปรียบเทียบกันภาพต่อภาพ

เพราะกล้องถ่ายภาพ ที่ vivo X200 Pro เลือกใช้เซ็นเซอร์ภาพรุ่นใหม่จาก Sony LYT-818 ในขณะเดียวกัน OPPO Find X8 Pro เลือกที่จะใช้เซ็นเซอร์รุ่นรองลงมาอย่าง Sony LYT-808 และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ผสานความสามารถของเลนส์กล้อง การออกแบบ Periscope ชิปเซ็ตต่างๆ โดยรวมแล้วถือว่าทำได้ออกมาดีอย่างเห็นได้ชัด ครั้งนี้ถือว่า OPPO เพลี่ยงพล้ำ ทั้งเรื่องของภาพลักษณ์ แบรนด์ การตลาด เพราะสองรุ่นนี้ราคาเปิดตัวเท่ากันที่ 39,999 บาท แต่ให้ประสบการณ์ภาพจากกล้องแตกต่างกันอย่างโดยสิ้นเชิง

คงต้องมารอลุ้นว่า แบรนด์อย่าง Samsung ที่จะเปิดตัว Galaxy S25 Series ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2025 ที่เคยถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์แรกที่ชูเรื่องของการถ่ายภาพระยะไกลในที่มืด รวมไปถึง Xiaomi 15 Ultra ตัวเด็ดที่รุ่นก่อนหน้านี้เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย จะออกมาแก้เกมกับสงครามกล้องสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ดุเดือดอย่างไร ต้องรอติดตามกันไม่กี่อึดใจ…

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

คนไอที อยู่วงการเทเลคอมมาร่วม 20 ปี ผันตัวมาทำสิ่งใหม่ๆ แล้วก็เริ่มสนุกกับมัน!