แผนเสียงไวนิลยังไม่ตาย ยอดขายมาแรงกว่าแผ่นซีดี ขายได้เกือบ 20 ล้านแผ่น ในเวลา 6 เดือน

กระแสโหยหาอดีตทำยอดขายแผ่นเสียงไวนิลมาแรงเกือบ 20 ล้านแผ่น ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 แซงหน้าแผ่นซีดี ในขณะที่การฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งก็เติบโตเช่นเดียวกัน สวนทางกับการจัดคอนเสิร์ตที่ไม่สามารถทำได้ในยุคโควิด-19 ระบาด

โควิด-19 ระบาดในปี 2020 ส่งผลกระทบต่อคนทุกวงการไม่เว้นแม้แต่นักร้องดังจากสหรัฐอเมริกา มีรายได้รวมกันลดลงเกินครึ่ง เพราะรายได้จากการจัดคอนเสิร์ต และการแสดงดนตรีสดหายไปในยุคที่โควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตามท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แม้คอนเสิร์ตจะจัดไม่ได้ แต่แฟนคลับก็มีวิธีในการเสพสื่อความบันเทิงจากนักร้องในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อยู่ๆ ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง นั่นก็คือ “แผ่นเสียงไวนิล”

แผ่นเสียงไวนิลขายดีกว่าแผ่นซีดีแล้ว

จากการรายงานพบว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 นี้ แผ่นเสียงไวนิลมาแรง โดยสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 19.2 ล้านแผ่น ด้วยอัตราการเติบโต 108% จาก 9.2 ล้านแผ่นในปีก่อน และยังขายได้มากกว่าแผ่นซีดีที่ขายได้ 18.9 ล้านแผ่น ซึ่งในความจริงแล้วกระแสการฟังเพลงจากแผ่นเสียงไวนิลเริ่มกลับมาได้รับความนิยมมานานหลายปีแล้ว แต่ในปีที่แล้วนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี ที่แผ่นเสียงไวนิลสร้างรายได้มากกว่าแผ่นซีดีเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี

สำหรับแผ่นเสียงไวนิลที่ขายดีที่สุดในรอบครึ่งปีแรกของปี 2564 คือ อัลบั้ม Evermore ของ Taylor Swift โดยสามารถทำลายสถิติเป็นแผ่นเสียงไวนิลที่สร้างยอดขายเกิน 100,000 แผ่น ใน 1 สัปดาห์ ในระยะเวลา 30 ปี

ในขณะที่ Ariana Grande อัลบั้ม Positions ที่ปล่อยให้ฟังทางสตรีมมิ่งตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2020 แต่กลายเป็นว่าเมื่อปล่อยอัลบั้มนี้ในรูปแบบของแผ่นเสียงไวนิลทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 1,614% ในช่วงสัปดาห์นั้น โดยสามารถสร้างยอดขายได้ราว 32,000 แผ่น

NFT ก็สร้างรายได้ให้ศิลปินเยอะเช่นกัน

นอกจากนี้จากการรายงานยังระบุด้วยว่า Nonfungible Token หรือ NFT เป็นแหล่งรายได้ใหม่ของนักร้อง และศิลปินเช่นกัน โดยในช่วงเวลาระหว่าง 25 กุมภาพันธ์ จนถึง 25 เมษายน นักร้อง และนักดนตรีสามารถสร้างรายได้ด้วย NFT ได้กว่า 55.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา – cnbc

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา