มุมมองการเมืองและหุ้นไทย ล่าสุดจากสถาบันการเงินต่างๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

Brand Inside รวบรวมมุมมองการเมืองและหุ้นไทยจากสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มองการเมืองไทยและหุ้นไทยผ่านบทวิเคราะห์ล่าสุด

การเลือกตั้งของไทยกำลังใกล้จะเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากการเลือกตั้งล่วงหน้าพึ่งผ่านพ้นไป – ภาพจาก Shutterstock

อีกไม่นานก็จะถึงการเลือกตั้งของไทยอย่างเป็นทางการแล้ว Brand Inside รวบรวมมุมมองล่าสุดจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนของไทยช่วงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคต่างๆ เร่งหาเสียงด้วยนโยบายต่างๆ

ขณะเดียวกันเรื่องของการเมืองไทยย่อมหนีไม่พ้นกับเศรษฐกิจและการลงทุน ซึ่งการเลือกตั้งของไทยครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอนาคตของการเมืองไทยครั้งสำคัญของประชาชนไทย

วิเคราะห์นโยบายพรรคต่างๆ

Credit Suisse ได้จัดทำบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า นโยบายของพรรคการเมืองครั้งนี้มีการใช้นโยบายประชานิยมอย่างเข้มข้นและสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะทำได้จริงๆ และยังมีนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับเกษตรกรไทย เช่น ประกันราคาพืชผล รวมไปถึงเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำที่แต่ละพรรคยกมาใช้กันเป็นอย่างมาก ยังรวมไปถึงนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลต่างๆ ที่แต่ละพรรคนำมาใช้

จะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้นโยบายส่วนใหญ่จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชนรากหญ้าของไทยเป็นหลัก ไม่ได้เน้นนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเท่าเดิมเท่าไหร่นัก

กสิกรไทยคาดจะเห็นคนออกมาเลือกตั้งมาก

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ได้วิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ของไทยจะคึกคักมากที่สุด โดยคาดว่าจะออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจะมากกว่าในปี 2554 ที่มีผู้ออกมาเลือกตั้งถึง 75% เนื่องจาก

  1. เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังจากเว้นว่างมานานถึง 8 ปี
  2. การตื่นตัวของประชาชนมีมากเป็นพิเศษ
  3. มีผู้สมัครมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า หรือ 13,800 คน พรรคการเมืองทั้งหมดมีมากกว่า 100 พรรค
  4. กลุ่ม First Voter อายุ 18-26 ปี มีมากถึง 16%

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ยังมองว่าบรรยากาศการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจะค่อนข้างราบรื่น โอกาสที่จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองมีน้อยมาก นอกจากนี้ยังมองว่าการเลือกตั้งของไทยในปีนี้คล้ายกับการเลือกตั้งในปี 2550 ที่ SET Index ปรับตัวลดลงก่อนหน้าการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์

ข้อมูลจาก บล. กสิกรไทย

โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีอย่างไรบ้าง

มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ที่มองถึงโอกาสที่แต่ละฝ่ายจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

  • KTZmico มองว่า โอกาสที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมีโอกาสสูงถึง 60% แต่จะไม่สามารถครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้ (มีเสียงน้อยกว่า 250 เสียง) และยังคาดว่ามีโอกาสที่จะยุบสภาภายใน 1-2 ปีมีโอกาสสูง
  • CLSA ได้ทำผลสำรวจการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมีผู้ทำผลสำรวจน้อยกว่าเดิม ผลสำรวจที่ได้คืออยากให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี 23.4%
  • Daiwa มองว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีโอกาสต่ำที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
  • Citi มองไว้ 3 แนวทางคือ
    • กรณีเป็นไปได้ที่สุด ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐได้เสียงส่วนมาก
    • กรณีรองลงมา ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ได้การสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์
    • กรณีสุดท้าย พรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล
  • Credit Suisse มองว่า ไม่ว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือใครที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลหลังจากนี้จะมีสภาพอ่อนแอ และไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง
ข้อมูลจาก BLS

เรื่องของหุ้นไทย

มุมมองของ Citi มองว่า ในช่วงรอยต่อของการเลือกตั้งนี้รัฐบาลจะไม่สามารถออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังเริ่มที่จะพบกับสภาวะอ่อนตัวโดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก เช่น ภาคการส่งออก ขณะเดียวกันต่างจังหวัดการบริโภคก็ยังไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่นัก ขณะเดียวกันเม็ดเงิน Fund Flow ก็ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ทำให้ Citi คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ SET Index ของไทยจะอยู่ที่ 1,700 จุด และมองว่าจุดต่ำสุดของหุ้นไทยจะอยู่ 1,500 ถึง 1,550 จุด

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่า ความเสี่ยงของ SET Index จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ทำให้อาจมีการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน และยังรวมไปถึงการตั้งสำรองของบริษัทในเรื่องของ พรบ. แรงงานฉบับใหม่ด้วย แต่ยังมองเป้าของ SET Index ที่ 1,738 จุด

อย่างไรก็ดี สำหรับมุมมองของ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด มองว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/62 จะดีขึ้น หลังจากการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/61 ที่ออกมาได้อย่างน่าผิดหวัง

ข้อมูลจาก Citi

หุ้นที่น่าลงทุนของไทย

  • บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง แนะนำหุ้นกลุ่ม ธนาคาร การเงิน ท่องเที่ยว โรงพยาบาล
  • CLSA เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุปโภคภายในประเทศ เช่น KBANK, MAJOR, PTTEP, ADVANC, AP, BBL, CK
  • บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย แนะนำหุ้น AMATA, AOT, BBL, BGRIM, BJC, BPP, CPALL, CPF, HMPRO, RATCH, SCC, STEC
  • Daiwa แนะนำหุ้น AMATA, AOT, BTS, CPALL, EA, HMPRO, MINT, MTC, STEC, WHA
  • Citi แนะนำหุ้น BBL, BDMS, CPALL, MTC, SCC, LH

ที่มา – บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก Citi, Daiwa, CLSA, KTZmico, บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง, บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ