“ถ้าสงครามการค้าแรงขึ้นอีกรอบ เศรษฐกิจโลกอาจถดถอย รุนแรงระดับวิกฤติน้ำมันยุค 1980” UBS กล่าว

สงครามการค้าทำให้เราอยู่ใกล้สภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกเพียงแค่ไม่กี่ก้าว คำถามคือ เราจะไปถึงจุดนั้นกันหรือไม่?

Trade War
Trade War Photo: Shutterstock

ถ้าการพูดคุยระหว่างทรัมป์-สี จบไม่สวย: เศรษฐกิจโลกอาจถดถอย

เป็นทางการแล้วว่าโดนัลด์ ทรัมป์-ผู้นำสหรัฐอเมริกาและสี จิ้นผิง-ผู้นำจีน จะได้พบและพูดคุยกันในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ (28-29 มิถุนายน) ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในเรื่องสำคัญ คือการหารือในประเด็นสงครามการค้าอันร้อนแรงของทั้งสองประเทศที่ยืดเยื้อมาเกือบจะครบ 1 ปี แถมขาดตอนในการพูดคุยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย

ล่าสุด สถาบันการเงิน UBS มีมุมมองต่อเรื่องนี้ว่า ถึงที่สุดแล้ว การเจรจาของทั้งสองประเทศจะจบลงด้วยการไม่ขึ้นภาษีของทั้งสองฝ่าย เพราะจะไม่เป็นผลดีกับใครและรวมถึงเศรษฐกิจโลกในภาพรวม

  • แต่หากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด UBS วิเคราะห์ว่า การขึ้นภาษีในสงครามการค้ารอบนี้ อาจทำให้โลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรงมากนัก (mild global recession) เทียบระดับได้กับวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป (eurozone crisis), วิกฤติน้ำมันในช่วงกลางทศวรรษ 1980 หรือวิกฤติเตกีลา (tequila crisis) ที่เป็นวิกฤติเศรษฐกิจของเม็กซิโกในช่วงทศวรรษ 1990

ถ้าการพูดคุยระหว่างทรัมป์-สี จบไม่สวย: GDP ของมหาอำนาจจะทยอยลดลง

UBS ยังคาดการณ์ต่อด้วยว่า หากการพูดคุยของ 2 มหาอำนาจในประเด็นสงครามการค้าจบลงที่การสู้กันขึ้นภาษีอีกรอบ จะค่อยๆ ส่งผลให้เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจดังนี้

  • GDP ของสหรัฐอเมริกาอาจลดต่ำลง 1% ภายใน 6 ไตรมาส
  • ส่วน GDP ของจีนจะลดต่ำลง 1.2%
  • ในขณะที่ GDP ของยุโรปจะลดต่ำลง 0.7%

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Morgan Stanley เคยบอกไว้ว่า “เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ใน 9 เดือนนับจากนี้ เพราะสงครามการค้า”

[บทความน่าสนใจอ่านเพิ่มเติม]

ที่มา – CNBC, Yahoo

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา