เงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่จะซื้อโฆษณาการเมืองบน Twitter ไม่ได้

Twitter
Twitter Photo: Shutterstock

นโยบาย Twitter สวนทาง Facebook อย่างชัดเจน

Jack Dorsey ซีอีโอทวิตเตอร์ ระบุว่า ทวิตเตอร์จะเลิกรับโฆษณาทางการเมืองทุกประเภทตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดยแนวทางนี้จะใช้กับทวิตเตอร์ทั่วโลก

แน่นอนว่าการเลือกไม่รับโฆษณาการเมืองบนแพลตฟอร์มของทวิตเตอร์ย่อมส่งผลต่อรายได้ในอนาคตอยู่บ้าง เพราะรายได้ในส่วนนี้จะหายไป แต่เหตุผลที่ซีอีโอให้ไว้คือ เงินไม่ควรอยู่เหนือการเมือง เพราะการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อแพร่กระจายข่าวสารทางการเมืองถือเป็นการปิดกั้นการตัดสินใจในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชน/ผู้ใช้งาน

พูดง่ายๆ คือ ประชาชน/ผู้ใช้งานเลือกรับสารไม่ได้ เนื่องจากถูกกำหนดให้ต้องรับสารจากโฆษณาที่กำหนดเป้าหมาย (Target Ads) ไว้บนแพลตฟอร์ม

แนวทางที่ทวิตเตอร์จะใช้คือ ข้อความทางการเมืองควรจะเข้าถึงประชาชนด้วยตัวมันเอง ซึ่งถึงที่สุดแล้ว มันต้องเกิดจากการติดตามหรือตัดสินใจรับรู้ด้วยตัวของประชาชน/ผู้ใช้งานเอง ไม่ใช่การใช้เงินเพื่อซื้อโฆษณาทางการเมือง เงินไม่ควรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเห็นข้อความไม่เท่ากัน

ประเด็นข้อความโฆษณาทางการเมืองบนโซเชียลมีเดีย ถือเป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและในอีกหลายสังคมทั่วโลก เพราะมันส่งผลต่อระบอบการเมืองอย่างชัดเจน (ที่ชัดๆ คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาปี 2016 ที่ผ่านมา)

แนวทางนโยบายของทวิตเตอร์ในลักษณะนี้ สวนทางกับเฟซบุ๊กอย่างชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้ Mark Zuckerberg ซีอีโอเฟซบุ๊ก โดยเขาระบุว่า เฟซบุ๊กยังจะรับโฆษณาการเมืองต่อไป แม้ว่าโฆษณาการเมืองนั้นจะเป็น “เรื่องโกหกหลอกลวง” ก็ตาม เพราะเขาเชื่อว่าประชาชน/ผู้ใข้งานบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กมีสิทธิ์ในการรับรู้ทั้งความจริงและความลวงจากข้อความโฆษณาของนักการเมือง

นี่คือความแตกต่างของโซเชียลมีเดียแห่งยุคสมัยของเราอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์

ที่มา – Twitter ของซีอีโอ, NYT

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา