TV Direct ขายบนทีวีไม่พอแล้ว บุกออนไลน์ อีคอมเมิร์ซเต็มที่ ปั้นรายได้ 10,000 ล้านในปี 67

โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก! ประโยคติดหูเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ จากรายการขายสินค้าบนทีวีของ TV Direct ที่มาถึงวันนี้อาจต้องปัดฝุ่นใหม่ และไม่ได้อยู่แค่บนทีวี แต่ต้องบุกหนักในโลกออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ

ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD บอกว่า หลังจากมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ได้วางนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Harmonized Channel ใช้ทุกศักยภาพ ได้แก่ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง คอลล์เซ็นเตอร์ ร้านค้าปลีก TVD Shop และอีคอมเมิร์ซ เพื่อผลักดันการเพิ่มยอดขายจากช่องทางออนไลน์อย่างเต็มตัว

เพราะพฤติกรรมคนซื้อของออนไลน์มากขึ้น สามารถซื้อขายกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้ต้นทุนที่ต่ำลงเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น จากเดิมกลุ่มลูกค้าจะเป็นคนดูทีวีเป็นหลัก ทำให้ตอนนี้กว้างขึ้นด้วยออนไลน์ โดยปัจจุบัน TVD มีสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ 8% ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 15% ในปี 64 และเพิ่มเป็น 50% ในปี 66

สำหรับมูลค่าตลาดโฮมช้อปปิ้งในประเทศไทย อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 20-30% มาตลอด แต่คาดว่าจะเหลือ 10% ในปีนี้ เพราะออนไลน์มาแรงมาก

บุกทุกช่องทาง สร้างยอดขาย

สำหรับช่องทางออนไลน์ ไม่ได้มีแค่อีคอมเมิร์ซ www.tvdirect.tv และแอปพลิเคชั่นเท่านั้น แต่มี Social Commerce เช่น TikTok รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตร momo.com ผู้ให้บริการโฮมช้อปปิ้งและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากไต้หวัน นำเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ มาใช้งาน

สำหรับช่องทางการขายอื่นๆ ปัจจุบันมีทีวีดาวเทียมทั้งหมด 28 ช่อง โดยวางตำแหน่งทางการตลาดของแต่ละช่องใหม่เป็น กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้าราคาย่อมเยา 2.กลุ่มสินค้าจับตลาดกลางบน 3.กลุ่มสินค้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย 4.กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 5.กลุ่มสินค้าสำหรับตลาดแมสในราคาเข้าถึงได้ เสมือนยกธุรกิจค้าปลีกมาอยู่ในทีวีโฮมช้อปปิ้ง และ 6.กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม

ขณะเดียวกัน จะรุกเพิ่มจำนวนคอลล์เซ็นเตอร์เป็น 500 ราย จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 300 ราย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าเดิมของ TVD ที่มีอยู่กว่า 10.1 ล้านราย และรุกขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อหวังผลในการสร้างยอดขายช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้มีแผนพัฒนาร้านค้าปลีก TVD Shop โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อสินค้าแก่ผู้บริโภคและต่อยอดสู่การตัดสินใจซื้อในช่องทางออนไลน์

ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD
ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD

ล็อคดาวน์ ทำให้คนกลับมาดูทีวีเพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 28.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.81% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.38 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และมาตรการเคอร์ฟิว นำมาสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการที่ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมมารับชมและเลือกซื้อสินค้าทางทีวีโฮมช้อปปิ้งในช่วงล็อกดาวน์ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพบริหารและควบคุมค่าใช้จ่าย

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,736.95 ล้านบาท ชะลอตัวจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 4,280.55 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าและผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับหลังสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าทางทีวีโฮมช้อปปิ้งลดลงเล็กน้อย

TVD คาดว่า ปี 64 ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดจะทำให้กลับมามีรายได้รวม 4,000 ล้านบาทอีกครั้ง และจากแผนบุกทุกช่องทางจำหน่าย จะมีเป็น 10,000 ล้านบาทในปี 67

ลุยลงทุนสตาร์ทอัพ สร้าง Tech Company

อาทิตย์ น้อยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอบีพีโอ จำกัด (ABPO) ในเครือ TVD กล่าวว่า การก้าวสู่ Tech Company จะมี ABPO ทำหน้าที่ลงทุนใน BLOCKFINT บริษัท FINTECH สตาร์ทอัพ และ Blockchain Technology ผู้พัฒนาระบบซอฟท์แวร์ แอปพลิเคชันสำหรับการสร้าง Neo Banking (ธนาคารดิจิทัลในโลกออนไลน์) ซึ่งเป็นระบบธนาคารรูปแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจธนาคารในอนาคต และ บริษัท EAT LAB ผู้พัฒนาระบบ AI Core Tech เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การพัฒนาโปรโมชั่นที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“บริษัทฯ มีแผนงานเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพต่างๆ มากขึ้น โดยให้ความสนใจขยายการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Food Ordering (สั่งอาหาร) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนและก้าวสู่การเป็น Tech Company พร้อมทั้งมีเป้าหมายในอนาคตที่จะนำ ABPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา