“Big Bike กลุ่ม Premium ยังไงก็ซื้อ” ผู้บริหาร Triumph ย้ำ หลังปล่อย 2 รุ่นใหม่เริ่ม 6.25 แสน

ยอดขายมอเตอร์ไซค์ประเภท Big Bike โดยเฉพาะกลุ่ม Premium European-American ที่มีเครื่องยนต์ 500 ซีซีขึ้นไป แทบไม่ถูกกระทบจากพิษเศรษฐกิจ และ Triumph ผู้นำในกลุ่มนี้ก็เตรียมบุกตลาดเต็มที่

Bonneville Bobber Black

คนขี่ระดับนี้ใช้ความชอบในการตัดสินใจ

“ต้องอธิบายก่อนว่า ตลาด Big Bike กลุ่ม Premium European-American ที่มีเครื่องยนต์ 500 ซีซีขึ้นไป ปีที่แล้วมียอดขายภาพรวมอยู่ที่ 6,000 คัน และเจ้าของที่ซื้อมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ต่างใช้ความชอบในการตัดสินใจ รวมถึงบางคนก็ไม่ได้ครอบครองแค่คันเดียว แถมเวลาแต่ละแบรนด์ออกรุ่นใหม่มา ถ้าชอบก็แทบจะซื้อในทันที”

นี่คือคำตอกย้ำของ จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ว่าตลาด Big Bike กลุ่มนี้ยังสามารถเติบโตได้เรื่อยๆ เพราะแม้ผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นแฟนบอยของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แต่ทุกครั้งที่มีรุ่นใหม่ของแบรนด์อื่นออกมา ก็มีแนวโน้มที่จะซื้ออยู่ดีถ้าถูกใจ จนความชอบมันค่อนข้าง Overlap

จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ซึ่งความ Overlap นี่เอง ทำให้ทาง Triumph ผู้ถือส่วนแบ่ง 48% ในตลาดนี้ของประเทศก็เตรียมส่งรุ่นใหม่ออกมา ประกอบด้วย Bonneville Bobber Black และ Bonneville Speedmaster ที่ทั้งคู่เป็นมอเตอร์ไซค์แบบคัสตอม และคงความ Classic เอาไว้ โดยราคาเปิดอย่างไม่เป็นทางการอยู่ไม่เกิน 6.25 แสนบาท

ขยายศูนย์บริการ ปั้นแบรนด์โตยั่งยืน

และหากย้อนไปดูประวัติการทำตลาดมอเตอร์ไซค์ Triumph ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการจริงๆ ก็เริ่มที่ปี 2558 เพราะปีนั้นได้ต่อตั้ง “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์)” เพื่อเป็นคนช่วยนำเข้ามอเตอร์ไซค์เข้ามา และถือเป็นประเทศที่ 2 ในพื้นที่เอเชียต่อจากญี่ปุ่น เพราะประเทศอื่นส่วนใหญ่เป็นดีลเลอร์นำเข้ามาทำตลาดเอง

Bonneville Speedmaster

“ซึ่งการทำตลาดอย่างเต็มตัวนั้นทำให้ Brand Awareness นั้นเพิ่มขึ้นมาก รวมถึงฝั่งยอดจดทะเบียนด้วย เพราะในปี 2557 มียอดจดทะเบียนในไทยแค่ 300 คัน แต่พอเข้าปี 2558 กลายเป็น 1,511 คัน ถัดมาก็เป็น 2,433 คัน และสิ้นปีนี้คิดว่าน่าจะเกิน 3,000 คันแน่นอน”

ขณะเดียวกันการเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ ก็ช่วยให้เกิดโชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจรมากขึ้นด้วย โดยในมี.ค. 2561 จะมีโชว์รูมทั้งหมด 14 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพ 5 แห่ง ที่เหลือกระจายอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆ จากสิ้นปีนี้มี 11 แห่ง และในทุกโชว์รูมจะถูกยกระดับเป็น Triumph World หรือศูนย์บริการะดับหรูอีกด้วย

แตกไลน์ให้เป็นมากกว่าแค่รถ Classic

“ตอนนี้ 90% ของยอดขายเรามาจากรถประเภท Classic เพราะมันสร้างชื่อให้กับเรามายาวนาน แต่การจะคงไว้แบบเดียวคงไม่ได้ โดยจากนี้จะนำเข้าตัว Roadster Naked และ Adventure Touring เข้ามาเสริมทัพด้วย แต่ทั้งหมดนี้คงเป็นรุ่นผลิตในประเทศไทยก่อน เพราะเรามีโรงงานที่นี่ และการนำเข้าจากอังกฤษเสียภาษีค่อนข้างสูง”

สำหรับโรงงานในประเทศไทยนั้นถือเป็นแหล่งผลิตหลักของ Triumph เพราะมอเตอร์ไซค์ของทางแบรนด์ที่จำหน่ายไปทั่วโลกนั้น 70% ผลิตจากโรงงานนี้ และทางด้านยอดขายในปี 2561 นั้นบริษัทมองว่าน่าจะเติบโตได้ราว 10% ของปีนี้ และพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดเอาไว้เช่นเดิม

สรุป

อย่างที่เมื่อวานได้รายงานข่าวเรื่องรถหรูไป วันนี้ก็มาเจอกับมอเตอร์ไซค์หรูที่ไม่ได้กระทบจากพิษเศรษฐกิจเท่าไรนัก จึงเชื่อว่าตลาด Big Bike ในกลุ่มราคาสูงๆ ยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ หรือเรียกว่าออกรุ่นใหม่มาอย่างไรก็ขายได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นรุ่นเครื่องระดับล่างๆ มากกว่า เพราะน่าจะแข่งขันกันสูง และผู้ซื้อใช้เงินเป็นตัวตัดสินใจ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา