โตโยต้าส่ง Yaris แบบ Minor Change ทวงคืนแชร์ตลาดรถยนต์ ECO ชูราคาเริ่ม 4.79 แสนบาท

กลางเดือนส.ค. ที่ผ่านมา “โตโยต้า” ส่ง Yaris Ativ รถยนต์นั่ง 4 ประตูแบบ ECO มาช่วยปั๊มยอดขายรถยนต์กลุ่มนี้ และเพื่อทวงส่วนแบ่งรถ ECO คืน จึงส่งรุ่น Minor Change ของ Yaris แบบ 5 ประตู มาเสริมทัพ

ทยอยปล่อยโปรดักต์ใหม่กระตุ้นตลาด

ในครึ่งแรกของปี 2560 “โตโยต้า” ไม่ได้เปิดรถยนต์รุ่นใหม่มากนัก ทำให้ความคึกคักของตัวแบรนด์นั้นลดลงไปบ้าง แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นก็ทยอยส่งรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม ECO Car เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังอยากซื้อรถคันแรก และมองราคาเป็นอีกปัจจัยหลักในการซื้อ

จุดเริ่มต้นคือเดือนส.ค. ที่ทางแบรนด์ส่งรุ่น Yaris Ativ รถยนต์นั่ง 4 ประตูแบบ ECO Car ที่มีขนาดเครื่อง 1,200 ซีซี ออกมารับความต้องการของผู้บริโภคเพิ่ม เพราะทางบริษัทไม่เคยมีรถยนต์ ECO Car แบบ 4 ประตูมาก่อน แต่ถ้าให้ครบกว่านั้น การนำ ECO Car รุ่น 5 ประตูมาปัดฝุ่น และทำตลาดไปพร้อมๆ ก็น่าจะสร้างโอกาสมากขึ้นอีก

และเมื่อผ่านมา 1 เดือนจากการเปิดตัว ECO Car รุ่น 4 ประตู ทาง “โตโยต้า” ก็ส่งรุ่น Yaris แบบ Minor Change ที่ปรับเล็กน้อยจากโฉมปี 2557 เช่นกระจังหน้า-หลัง และการตกแต่งภายใน คล้ายกับที่ติดตั้งในรุ่น Yaris Ativ ใช้เรื่องยนต์ขนาด 1,200 ซีซี ตั้งราคาเริ่มที่ 4.79-ุ6.09 แสนบาท หรือแพงกว่า Yaris Ativ 10,000 บาท

อัดแคมเปญเต็มที่ ตั้งเป้า 3,200 คัน/เดือน

วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บอกว่า Yaris แบบ Minor Change รุ่นนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 3,200 คัน/เดือน ผ่าน 4 รุ่นย่อย โดยจะใช้แผนการตลาดที่เน้นสื่อสารข้อมูลไปที่กลุ่มนักศึกษา และ First Jobber เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้า

ขณะเดียวกันยังส่ง Convini-EXT โปรแกรมเช่าซื้อใหม่ ที่เพียงจ่ายเพิ่ม 229 บาท/เดือน ก็จะได้รับสิทธิ์เงินดาวน์-ดอกเบี้ยต่ำ, ประกันภัยชั้น 1 และเพิ่มระยะเวลาประกันคุณภาพจาก 3 เป็น 5 ปี พร้อมย้ำว่าไม่มีความทับซ้อนระหว่าง Yaris กับ Yaris Ativ เพราะตัวแรกเน้นคนรุ่นใหม่กับดีไซน์สปอร์ต ส่วน Ativ จะเน้นเรื่องความหรูหรามากกว่า

ชื่อ Yaris ยังขายได้ เพราะยอดสะสม 1.5 แสนคัน

“หากนับตั้งแต่การเปิดตัว Yaris โฉมใหม่เมื่อปี 2556 ตอนนี้มีก็ยอดขายสะสมทั้งหมด 1.5 แสนคันแล้ว จึงเชื่อว่าตัว Yaris ที่ปรับเปลี่ยนอะไรเล็กน้อยตัวใหม่ น่าจะทำได้ดีไม่แพ้กัน เพราะนอกจากแคมเปญการตลาดแล้ว เรื่องความปลอดภัยผ่านถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง เหมือนกับรุ่น Ativ ก็น่าจะช่วยดึงดูดผู้บริโภคเช่นกัน”

สรุป

ตอนนี้ทาง “โตโยต้า” น่าจะมีอาวุธครบมือ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด เพราะด้วยการมีสินค้า ECO Car ที่ใหม่ที่สุดทั้งรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู ดังนั้นคงต้องดูว่าทางทีมงานการตลาดของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นรายนี้จะทำได้ดีขนาดไหน เพราะถ้ามีสินค้าดีอยู่ในมือ หากสื่อสารไม่ดี โอกาสพ่ายแพ้คู่แข่งก็มีสูง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา