ทำธุรกิจท่องเที่ยวเตรียมรับมือ การเปลี่ยนแปลงกับ 3 กระแสแรงแห่งยุค ที่ยากจะต้าน

ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เวลานี้ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนไปด้วย 3 กระแสมาแรงแห่งยุคที่ยากจะต้าน ซึ่งกระทบกับประเทศไทยโดยตรง ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวเอง ต้องรู้เรื่องนี้เพื่อปรับตัวรับกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

รูปจาก Pixabay.com

EIC SCB วิเคราะห์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 35.3 ล้านคน โตขึ้น 8.4% เป็นเงินรายได้ 2.9 ล้านล้านบาท นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่มีกระแสความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้น และจะส่งผลให้ระยะยาว 3 ประเด็นหลัก คือ

  1. การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวสูงอายุ ล่าสุดปี 2015 มีสัดส่วน 19% และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับประชากรโลก ทั้งจีน, อเมริกา, อังกฤษ หรือญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ตามมาคือ นักท่องเที่ยวสูงอายุ ใช้จ่ายมากกว่าวัยอื่น 9% และมากกว่ากลุ่ม Millennial 3 เท่า ใช้เวลาท่องเที่ยวในไทยยาวนานกว่าวัยอื่น 1-2 วัน
  2. การแข่งขันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวดุเดือด หลายประเทศมีการผ่อนปรนการขอวีซ่าเข้าประเทศ มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว สร้างสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดึงดูด เช่น มาเก๊า, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น หรือ UAE ทางออกคือ การสร้างความแตกต่าง มากกว่าจะแข่งขันตลาด mass
  3. การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น สร้างทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง ธุรกิจท่องเที่ยวต้องเน้นสร้างแบรนด์มากขึ้น ผ่านสื่อออนไลน์ หลักการง่ายนิดเดียวถ้าค้นในโลกออนไลน์แล้วไม่เจอ นั่นคือเสียโอกาสทันที และยังมีคู่แข่งรายใหม่ เช่น Airbnb และผู้ประกอบการในลักษณะ Sharing ที่เกิดขึ้นซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คู่แข่งและการแข่งขันหนักขึ้น
รูปจาก Pixabay.com

ทางออกธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับตัวรับ 3 กระแสแรง

เมื่อเห็น 3 กระแสความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับตัว สำหรับนักท่องเที่ยวสูงอายุ มีความต้องการปัจจัย 3 ส่วนมากเป็นพิเศษ คือ ความปลอดภัย, การใช้เวลานาน และ ความพร้อมด้านการแพทย์ ดังนั้น ไทยต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้มากขึ้น รวมถึงนำเสนอแพ็คเกจการท่องเที่ยวที่ใช้เวลานานขึ้น ไม่เร่งรีบหรือแน่นจนเกินไป และขยายเวลาวีซ่าประเภท long stay ให้นานขึ้นเพื่อรองรับ โดย EIC คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะสร้างรายได้ไปถึง 75,000 ล้านบาทในปี 2020 ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย

ประเด็นถัดมาคือ การแข่งขันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศมากขึ้น ไทยต้องจัดแพ็คเกจเที่ยวที่ร่วมกับพันธมิตรในประเทศ เช่น ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย, เชิงวัฒนธรรม, จัดกิจกรรม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เป็นทางออกที่ดีกว่า การแข่งขันด้าน mass ที่ส่วนใหญ่จะแข่งกันลดราคา ซึ่งไม่เป็นผลดี

สุดท้ายคือ วงจรการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี เกิดรูปแบบ Dreaming – Planning – Booking – Experience – Sharing นั่นคือ เริ่มต้นจากการดูโซเชียลต่างๆ และฝันถึงการเที่ยว จากนั้นจะเริ่มวางแผนผ่านอินเทอร์เน็ต และเริ่มต้นจองตั๋วเดินทาง ที่พัก และการท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้ธุรกิจการจองออนไลน์เติบโตสูงมาก จากนั้นก็ไปเที่ยวด้วยตัวเอง และปิดท้ายด้วยการแชร์ไปถึงคนอื่นๆ สร้างความฝันใหม่ๆ อีกรอบ

รูปจาก Pixabay.com

สรุป

ธุรกิจท่องเที่ยวต้องสร้างแบรนด์ออนไลน์ สร้างบริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และควรปรับตัวเพื่อรับกับกระแสทั้ง 3 โดยเร่งด่วน นี่คือโอกาสที่ดี แต่ถ้าไม่เตรียมรับมือก็จะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับการทำธุรกิจในระยะยาวทันที

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา