Topshop เตรียมปิดสาขาในอเมริกาทั้งหมด หลังยื่นล้มละลาย

ค้าปลีกล้มสลายต่อเนื่อง Topshop เตรียมปิดสาขาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ได้ยื่นล้มละลายไปไม่นานมานี้ แต่ยังสามารถซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซได้อยู่

topshop
Photo : Shutterstock

Topshop แบรนด์ Fast Fashion สัญชาติอังกฤษเตรียมโบกมือลาวงการค้าปลีกไปอีกหลาย หลังจากที่ได้ยื่นล้มละลายไปเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมทั้งเตรียมปิดสาขาทั้งหมด 11 แห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะรวมแผนก Topman ด้วย

แต่ลูกค้ายังสามารถซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้อยู่ รวมถึงพาร์ทเนอร์ในช่องทางขายส่งอย่างห้างสรรพสินค้า Nordstrom

การปิดสาขาในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่ Arcadia Group ที่ต้องการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยที่แผนต่อไปอาจจะมีการปิดสาขาทั้งหมด 23 แห่งในสหราชอาณาจักรอีกด้วย ตอนนี้กำลังรอการอนุมัติอยู่

Ian Grabiner, CEO ของ Arcadia Group ได้เปิดเผยว่า “ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจ”

สำหรับ Topshop นั้นได้เปิดสาขาแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2009 ที่เมืองนิวยอร์ก จากนั้นก็ได้ขยายสาขาเรื่อยๆ ในเมืองอื่นๆ อย่าง ไมอามี่, ลอสแองเจลิส และชิคาโก

ส่วนหนึ่งของวิกฤติของบริษัทนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาส่วนตัวของ Philip Green นักธุรกิจเจ้าของ Arcadia Group ได้ถูกกล่าวหาในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ การเหยียดสีผิว เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การที่ผู้บริโภคแบนสินค้าในเครือของ Arcadia Group

รวมไปถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดแฟชั่น มีผู้เล่นออนไลน์มากมายที่ทำตลาดแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่าง Asos และ Boohoo อีกทั้งเทรนด์แฟชั่นของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในปี 2018 รายได้ของ Arcadia Group ก็ลดลงถึง 5.6% มีมูลค่า 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนี้ก็คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลถึงการปิดสาขาในประเทศอื่นๆ รวมถึงในประเทศไทยด้วย

ที่มา Hypebeast, Business Insider

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา