Tom Ford ขึ้นเป็นเศรษฐีหมื่นล้านคนใหม่ หลังขายกิจการให้ Estée Lauder มูลค่ากว่าแสนล้านบาท

Tom Ford ขายกิจการให้ Estée Lauder ส่งผลให้เขาขึ้นเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านรายใหม่ทันที

Tom Ford

Estée Lauder เข้าซื้อกิจการ Tom Ford ด้วยเงินสดราว 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐและผ่อนชำระอีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะจ่ายในช่วงเดือนกรกฎาคม 2025 มูลค่าของการทำข้อตกลงนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐรวมอีก 250 ล้านเหรียญสหรัฐที่ Estée Lauder จะได้รับจาก Marcolin แบรนด์แว่นตาสัญชาติอิตาลีที่ถือลิขสิทธิ์โดย Tom Ford ด้วย

Forbes ประเมินว่า Ford จะได้รับเงินสดจากการขายราว 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาทหลังหักภาษี โดยคาดว่าการซื้อขายนี้จะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ซึ่ง Ford มีหุ้นอยู่ราว 64% มีบ้าน 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ที่ Holmby Hills ในลอสแอนเจลิส และที่ Upper East Side นิวยอร์ก มูลค่ารวม 65 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.3 พันล้านบาท รวมๆ แล้ว Ford จะมีสินทรัพย์ในครอบครองราว 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.29 หมื่นล้านบาท

Ford ไม่ใช่ผู้ทำเงินจากการขายกิจการได้รายเดียวเท่านั้น แต่ยังมี Zegna ค้าปลีกสินค้าหรูสัญชาติอิตาเลียนที่ถือหุ้นบริษัทอยู่ 15% ประเมินว่าจะมีรายได้ก่อนหักภาษีราว 345 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้าน Domenico De Sole หุ้นส่วนทางธุรกิจยาวนานของ Ford ก็ถือหุ้นกว่า 11% มูลค่าราว 259 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Grupo Americo Amorim กลุ่มทุนจากโปรตุเกสที่ก่อตั้งโดย Kong of Cork (Americo Amorim ผู้ล่วงลับไปเมื่อปี 2017) ก็เป็นเจ้าของหุ้นราว 10% มูลค่าราว 230 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปี 2021 ที่ผ่านมา Ford รายงานว่า มีรายได้จากยอดขายราว 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรอยู่ที่ 96 ล้านเหรียญสหรัฐ Tom Ford มีหน้าร้านราว 98 แห่ง ในหลายประเทศด้วยกัน อาทิ จีน อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรรับเอมิเรตส์ ฯลฯ

ทำไม Estée Lauder ต้องซื้อ Tom Ford?

การทำความตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการ Tom Ford มูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐนี้ Ford จะยังดูแลแบรนด์ต่อไปจนจบปี 2023 แบรนด์ Tom Ford แข็งแกร่งอย่างมากในหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ขณะที่ Estée Lauder เมื่อเจอพิษโควิดเข้าไปก็ทำให้ยอดขายตกอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะในเอเชียที่ต้องรับมือกับนโยบายควบคุมโควิดเข้มข้น ยอดขายในจีนก็ตกต่ำอย่างมาก

Tom Ford ร่วมทำโปรเจกต์พัฒนาน้ำหอมกับเครื่องสำอางร่วมกับ Estée Lauder ตั้งแต่ปี 2005 แล้ว ภายใต้ชื่อแบรนด์ของ Tom Ford เอง เขายังบอกเลยว่า Estée Lauder ถือเป็นหุ้นส่วนที่พิเศษสำหรับเขามากๆ นับตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เริ่มก่อตั้งบริษัท เขาแทบจะรอดูก้าวต่อไปของแบรนด์ Tom Ford ไม่ไหวแล้ว

Estée Lauder กำลังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอมเป็นอันดับต้นๆ การเข้าซื้อกิจการที่โด่งดังในเรื่องการผลิตสินค้าประเภทน้ำหอมก็เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี ตัวอย่างเช่น ช่วงก่อนหน้านี้ในปี 1999 ก็เข้าซื้อกิจการบริษัท Jo Malone บริษัทน้ำหอม เครื่องสำอางชื่อดังของอังกฤษ ในปี 2014 ก็ซื้อกิจการ Le Labo อาณาจักรน้ำหอมที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 การเข้าซื้อ Le Labo ทำให้ยอดขายน้ำหอมเติบโตอย่างมาก

นอกจากนี้ ในปี 2015 ก็ซื้อกิจการ Frédéric Malle ผู้ที่เก่งกาจ เชี่ยวชาญ จัดจ้านในเรื่องน้ำหอม เกิดและเติบโตในตระกูลที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำหอมมาตลอด ตาของ Frédéric Malle ก็คือ Serge Heftler เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ริเริ่มผลิตน้ำหอมของ Christian Dior มาก่อน แม่ก็เป็น Art Director อยู่ที่นั่น ตัวเขาเองก็คลุกคลีอยู่วงการน้ำหอมมากว่า 30 ปี จากนั้นในปี 2016 Estée Lauder ก็ซื้อแบรนด์ Kilian น้ำหอมแบรนด์หรูจากฝรั่งเศส และล่าสุดก็คือการเข้าซื้อ Tom Ford

รู้จัก Tom Ford

Tom Ford ปัจจุบันอายุ 61 ปี เกิดที่ออสติน เมืองหลวงของรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา แต่ใช้ชีวิตวัยเด็กที่ซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก จากนั้นจึงเริ่มวัยมหา’ลัยที่นิวยอร์ก เริ่มเรียนสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ จากนั้นจึงย้ายสายมาเรียนด้านสถาปัตยกรรม Ford สนใจด้านแฟชั่นและเริ่มงานแรกหลังเรียนจบกับดีไซเนอร์ Cathy Hardwick ที่ช่วงนั้นเน้นออกแบบชุดกีฬา โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ บิกินี่

จากนั้น Ford ก็ได้ทำงานกับบิ๊กแบรนด์อย่าง Gucci และได้ขึ้นเป็น Creative Director ของ Gucci ตลอดระยะเวลาราว 10 ปีกับตำแหน่งนี้เขาสามารถเพิ่มยอดขายให้เติบโตได้เกือบ 1,200% หรือเกือบ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก 230 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1994 สู่ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2003 ทำให้แบรนด์ Gucci เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กอบโกยกำไรมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก

Ford ก่อตั้งแบรนด์ของตัวเอง แบรนด์ Tom Ford ในเดือนเมษายน 2005 เขาไม่ได้เดินสายอาชีพเฉพาะดีไซเนอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้กำกับหนังด้วย เขากำกับหนังเรื่อง A Single Man และ Nocturnal Animals เขาจะยังดูแลแบรนด์ Tom Ford ต่อไปในปี 2023 แต่หลังจากนี้ยังไม่เปิดเผยว่าเขาจะทำอะไรต่อ

อ้างอิง – Forbes, The New York Times (1), (2), Tom Ford, Estée Lauder (1), (2), (3), (4), Fragrantica, Galerie Dior

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา