มองผลิตภัณฑ์ใหม่ “แป้งทานาคา” จากแบรนด์แป้งเย็นตรางู ในวันที่สาวเมียนมาร์ไม่นิยมใช้แล้ว

หลายคนอาจได้เห็นสูตรใหม่ของแป้งเย็นตรางูกันไปแล้ว ที่นำเอา “ทานาคา” มาใช้ โดยโปรโมทให้เป็นแป้งเย็นแบบสกินแคร์ ทาหน้าได้ ตอนนี้หลายประเทศในแถบนี้ก็ชื่นชอบทานาคากันมาก แต่สาวเมียนมาร์ยุคใหม่มองว่าล้าสมัยไปเสียแล้ว

Photo: Snake Brand Fan Page

ส่ง “ทานาคา” ขยายนิยามแป้งเย็น ให้ทาหน้าได้

แบรนด์แป้งเย็นตรางูของ British Dispensary หรือบริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด(มหาชน) ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “แป้งเย็นทานาคา” โดยมาในชื่อว่า “ไวลด์ ทานาคา” เป็นสูตรผสมจากสมุนไพรทานาคา พร้อมกลิ่นซิตรัสจากผลไม้รสเปรี้ยวหลากชนิด อาทิ ส้มยูซุ ส้มเกรปฟรุ้ต เลมอน ไลม์ ทำให้รู้สึกสดชื่น เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งชายและหญิง

ส่วนการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ ยังคงอยู่ภายใต้แบรนด์แป้งเย็นตรางู แต่รอบนี้ได้ขยายนิยามของการใช้แป้งจากเดิมที่บอกว่า “ทาทั่วร่างกายหลังอาบน้ำหรือก่อนนอนเพื่อให้เย็นสดชื่น” มาเป็น “แป้งเย็นก็ใช้ทาหน้าได้” แถมยังใส่ความเป็นสกินแคร์ลงไปด้วย

อนุรุธ ว่องวานิช ประธานกลุ่ม British Dispensary Group (BDG) ผู้ผลิต และจัดจำหน่าย แป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า “ผมต้องการให้แป้งทานาคาทาหน้าได้ คนทั่วไปอาจรู้สึกแปลก แต่ผมคิดว่านี่จะเป็นเทรนด์ใหม่ของประเทศไทย”

การทำตลาดของแป้งทานาคาจะใช้เงินโฆษณาไปกับวิดีโอ และทำแคมเปญผ่านสื่อออนไลน์ โดยให้ผู้บริโภคทาแป้งทานาคาบนใบหน้า และติดแฮชแท็กว่า #ทาหน้าค่า

ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า แบรนด์จะทำการทุ่มงบในการทำตลาด 200 ล้านบาท สำหรับแป้งเย็นตรางูไวลด์ ทานาคา โดยในปีแรกตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท เนื่องจากตลาดแป้งเย็นนี้มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท และเแป้งเย็นตรางูเองก็ครองอันดับที่ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 25%

Photo: Snake Brand Fan Page

สาวเมียนมาร์ยุคใหม่ มอง “ทานาคา” เป็นของล้าสมัย?

แน่นอนว่า “ทานาคา” เป็นสกินแคร์ดั้งเดิมของชาวเมียนมาร์ที่สกัดมาจากเปลือกไม้ชนิดหนึ่ง มีสีเหลือง และใช้ทาหน้าได้

แต่ในปัจจุบัน มีรายงานจาก TNC Asia Trend Lab เว็บไซต์ด้านข้อมูลของญี่ปุ่น ได้ระบุข้อมูลว่า คนรุ่นใหม่ในเมียนมาร์ไม่นิยมใช้ทานาคาเป็นสกินแคร์อีกแล้ว เพราะมองว่าเป็นของล้าสมัย ตกยุค ส่วนสาวเมียนมาร์รุ่นใหม่ได้หันไปใช้เครื่องสำอางและสกินแคร์จากเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศอื่นๆ มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดแป้งเย็นทานาคาของบริษัทไทยในครั้งนี้อาจทำให้เกิดการกระตุ้นกระการใช้ทานาคา และการขยายตัวของทานาคาไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ เพราะอย่างในลาวตอนนี้ก็มีข้อมูลว่าใช้ทานาคากันเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นในเวียดนามตอนนี้ ยังพบว่ามีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายหนึ่ง รายงานข่าวถึงแป้งทานาคาว่า “เป็นแป้งวิเศษจากเมียนมาร์”

ที่มา – Nikkei Asian Review, Prachachat

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา