ไตรมาส 3/2023 หุ้นไทยไปทางไหน FETCO ชี้นักลงทุนจับตาการเมืองไทยหวังเสถียรภาพ 

ช่วงครึ่งปีแรก 2023 นี้ตลาดหุ้นไทยอย่าง SET Index แม้จะปรับตัวลดลง 9.9% แต่หลังจากนี้ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นมาหาคำตอบกันว่า ไตรมาส 3 นี้ในตลาดทุนมีปัจจัยใดที่ต้องติดตาม และมีหุ้นกลุ่มใดที่น่าสนใจ?

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/2023 ยังแกว่งผันผวนจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่มีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ​ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อกดเงินเฟ้อฯ ให้ลงมาสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%

ขณะที่ในภาคเศรษฐกิจไทยมองว่ามีแนวโน้มจะฟื้นตัวและเติบโตจากภาคการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเห็นอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทยออกมาต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบายลงได้ 

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปี 2023 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง  9.9% จนระดับ Valuation ในมิติของ Market Earning Yield Gap ที่ 4.11% ถือว่าลงมาในระดับท่ีใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย ในรอบ 12 ปี ทำให้ทิศทางเงินทุนมีโอกาสไหลกลับเข้ามา โดยทาง ASPS กำหนดเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,542 จุด ภายใต้กรอบว่า Market Earning Yield Gap 4.0%, อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0% และ EPS66F 91.8 บาท/หุ้น และหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ 1 ครั้งมองว่าเป้าหมายดัชนีจะอยู่ที่ 1,480 จุดซึ่งเป็นแนวรับทางพื้นฐาน

โดย ASPS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนโดยชี้จุดทยอยสะสมหุ้น เมื่อ SET Index อยู่ในระดับต่ำกว่า 1,480 จุด โดยเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงลึก พร้อมกับมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ BEM, JMT, SCGP, SCB, IVL, ERW, III

ด้าน กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ตลาดทุนยังติดตามอย่างใกล้ชิดในประเด็นการเมืองในประเทศ โดยให้น้ำหนักกับเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่และนโยบายที่จะขับเคลื่อนเพื่อตอบโจทย์ที่รออยู่ข้างหน้า  

“ช่วงนี้ตลาดคงรอและดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในสิบวันข้างหน้าเป็นช่วงสำคัญช่วงที่หนึ่ง (การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของไทย) และจะมีช่วงถัดไปคือ ครม. และนโยบายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ที่แน่นอนคือตลาดชอบความแน่นอนและชอบเสถียรภาพ” กอบศักดิ์กล่าว

ขณะนี้มองว่าตลาดทุนยังชะลอการลงทุน โดยรอติดตามและให้ความสำคัญว่า นโยบายที่จะอยู่และไม่อยู่ในแนวทางของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร และจะเอื้อต่อการขับเคลื่อนประเทศเพียงใด ซึ่งปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยที่อยู่ระดับ 1,500 จุด ถือว่าประคองตัวได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลใหม่ยังเป็นความหวังที่จะปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ของไทย เพื่อให้ไทยสามารถสร้างเสน่ห์เพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง 

ที่มา – ASPS, งานแถลงข่าวของ FETCO

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา