หลังพบศพคนติดโควิดถูกทิ้งข้างทาง รัฐประกาศ “ทุกวัดเผาศพโควิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย” 

หลังจากที่วานนี้มีข่าวนำเสนอภาพคนติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตถูกทิ้งไว้ข้างทางยาวนานหลายชั่วโมงกว่าคนจะมาจัดการศพ ข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว นำไปสู่การตั้งคำถามถึงการจัดการด้านสาธารณสุขของรัฐบาลไทยที่มีปัญหาอย่างรุนแรง ล้มเหลวอย่างหนัก ล่าสุด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกแนวทาง ประกาศเจตนารมย์ “ทุกวัดเผาศพโควิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย” 

 

วันนี้ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมหารือแนวทางการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) โดยมีผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วม

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น ประชาชนหลายครอบครัวเดือดร้อนขาดแคลนงบประมาณในการจัดฌาปนกิจศพญาติผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งดำเนินการตรวจสอบและติดตาม หาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน มีการจัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาและกำหนดแนวทาง ดังนี้

1. จัดหางบประมาณสำหรับซื้อชุด PPE ให้พระและสัปเหร่อในการจัดฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเร่งด่วน

2. รวบรวมรายชื่อวัดที่มีความพร้อมในการรับสงเคราะห์ฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและประสานแจ้งโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

3. ประสานขอฉีดวัคซีนให้พระ สัปเหร่อและผู้ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดอย่างเร่งด่วน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีประกาศจากสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานพระอนุเคราะห์ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สำหรับครอบครัวที่ขาดแคลน โดยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเบิกจ่ายมายังสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเพื่อช่วยเหลือครอบครัวญาติผู้เสียชีวิตที่มีความเดือดร้อนค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจศพ นอกจากนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำเจตนารมย์ว่า ทุกวัดเผาศพโควิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เร่งฉีดวัคซีนให้พระและสัปเหร่อ เตรียมบริเวณวัดที่มีความพร้อมจัดโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยโควิด 

ที่มา – รัฐบาลไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา