สมาคมประกันวินาศภัย คาดเบี้ยรับโดยตรงฯ ปี 66 ราว 2.8 แสนล้านบาท โต 4-5% หวังปีหน้าเบี้ยฯ โตต่อเนื่องรับเทรนด์ EV

สมาคมประกันวินาศภัยไทย เผยธุรกิจประกันวินาศภัย 3 ไตรมาส ปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 210,141 ล้านบาท เติบโต 5.2%YoY โดยประมาณการทั้งปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 285,080-287,800 ล้านบาท เติบโต 4.0%-5.0%YoY ส่วนปี 2567 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 301,050-303,900 ล้านบาท เติบโต 5.0%-6.0%YoY เผยปัจจัยหนุนประกันภัยรถไฟฟ้า (EV) – ประกันภัยสุขภาพ – ประกันภัยการเดินทาง

สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) กล่าวว่า ในภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยรับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 (ม.ค. – ก.ย.) มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 210,141 ล้านบาท เติบโตรวม 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยแบ่งเป็น

  • การประกันภัยรถยนต์จำนวน 118,419 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.0%) โดยเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น 
  • การประกันอัคคีภัยมีจำนวน 7,762 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.1%) โดยเพิ่มขึ้นตามมูลค่าการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก 
  • การประกันภัยทางทะเลและขนส่งมีจำนวน 5,330 ล้านบาท (ลดลง 0.6%) โดยมูลค่าการส่งออกเติบโตเพียงเล็กน้อยแต่มูลค่าการนำเข้าติดลบ 
  • การประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีจำนวน 78,630 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.6%) โดยเพิ่มขึ้นจากการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินที่มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเพิ่มสูงขึ้นมากเป็น 25,884 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16.1%) เนื่องจากเบี้ยประกันภัยต่อปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะตลาดแข็งตัว (hard market) ซี่งเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจยังมีผลกับการต่อสัญญาประกันภัยต่อในปีถัดไปบางส่วน

ขณะที่ ส่วนอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ณ 3 ไตรมาส ของปี 2566 ในภาพรวมอยู่ที่ 54.5% เมื่อแบ่งแต่ละประเภท ได้แก่

  • ประกันภัยรถยนต์มี Loss Ratio อยู่ที่ 59.4% 
  • ประกันอัคคีภัยเมี Loss Ratio อยู่ที่ 23.6%
  • ประกันภัยทางทะเลมี Loss Ratio อยู่ที่ 32.9% 
  • ประกันภัยเบ็ดเตล็ดมี Loss Ratio อยู่ที่ 47.1% ถือว่าลดลงช่วงช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันได้คลี่คลายลง

ทั้งนี้ แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 เติบโตดีต่อเนื่องจาก (1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
(2) การเปลี่ยนผ่านรัฐบาล (3) ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และ (4) การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จึงคาดว่า ตลอดทั้งปี 2566 นี้จะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 285,080-287,800 ล้านบาท เติบโต 4.0 – 5.0%YoY 

อย่างไรก็ตาม ด้านโครงการประกันภัยพืชผล ปีการผลิต 2566 เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คณะรัฐมนตรี จึงไม่สามารถอนุมัติให้ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีได้ทันช่วงระยะเวลาเริ่มเพาะปลูกข้าว ส่งผลให้ไม่เกิดการทำประกันภัย โดยมูลค่าเบี้ยประกันภัยที่หายไปจากธุรกิจประกันภัยมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่โครงการประกันภัยพืชผล ปีการผลิต 2567 มีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยเพิ่มการประกันภัยมันสำปะหลังเข้ามาในโครงการเป็นปีแรกด้วย ซึ่งคาดว่าเบี้ยประกันภัยรวมทั้งโครงการประกันภัยพืชผลจะมีมูลค่าประมาณ 2,200 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตราว 5.0 – 6.0%YoY เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 301,050 – 303,900 ล้านบาท จากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนของภาครัฐ อาจทำให้ยอดขายทะลุ 100,000 คัน บวกกับประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยสุขภาพ เนื่องมาจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า ส่งผลให้ในปีหน้ามีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา สมาคมประกันวินาศไทย

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา