หุ้น Tesla แซง Ford แล้ว อะไรทำให้มูลค่าตลาดของ Tesla สูงขึ้น?

ในวงการรถยนต์ชื่อ Tesla เป็นน้องใหม่ที่น่าจับตามอง เพราะว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมตอบโจทย์โลกอนาคต แต่แม้นวัตกรรมจะยังไม่นิ่งและต้องพัฒนาอยู่เสมอ ล่าสุดต้นเดือนเมษายนนี้ หุ้นของ Tesla ก็ได้แซง Ford บริษัทรถยนต์พี่ใหญ่ในตลาดไปเป็นที่เรียบร้อย

Photo: Businessinsider

หุ้น Tesla แซง Ford เพราะทำยอดผลิตได้เพิ่มมากขึ้น

จากรายงานระบุว่า Tesla มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นถึง 25,418 คันในไตรมาสแรของปีนี้ ต้องติดตามดูว่าจะรักษาโมเมนตัมของยอดขายอย่างนี้ได้ตลอดทั้งปีหรือไม่ แต่ถ้าดูจากตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 69% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Elon Musk ซีอีโอของ Tesla บอกว่า ปัญหาอยู่ที่การส่งชิ้นส่วนยานพาหนะจากที่ต่างๆ เข้ามายัง Tesla อย่างตรงเวลา เพราะว่าปีที่แล้วปัญหาทางเทคนิคและความความล่าช้าในการส่งสินค้าทำให้ยอดการผลิตลดลง 9% ในไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว

ต้องถือว่ายอดขายของ Tesla ในไตรมาสแรกท้าทายการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากต้นปี นักลงทุนหุ้นแนะนำให้เทขายหุ้นของ Tesla เพราะจะมีปัญหากระแสเงินสด รวมถึงการผลิตที่ล่าช้า และการลาออกของผู้บริหารบางตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม Tesla พิสูจน์ให้เห็นว่ายอดขายในไตรมาสแรกของปีดีขึ้น และยังวางแผนไว้ว่าจะผลิตรถให้ได้ถึง 500,000 คัน ในปี 2018 เพื่อแข่งขันกับบริษัท GM และ Ford

หากไปดูที่หุ้นของ Tesla ในปัจจุบันจะพบว่า หลังจากที่มีการสะดุดไปบ้างเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่หลังจบไตรมาสแรกก็ปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 48,600 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ Ford สูงกว่าถึง 7%

Photo: Quartz

อะไรที่ทำให้ Tesla แซงหน้าได้?

คำตอบคือ Tesla ทำตัวเองให้เป็นมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นบริษัทที่นำเอาพลังงานมาใช้กับการผลิตรถยนต์ Tesla จะไม่ทำเหมือนกับบริษัทรถยนต์ในอดีตที่ผ่าน โดยตั้งเป้าไกลกว่านั้นคือ นำเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ ทำให้มนุษย์หลุดจากวงโคจรของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ Elon Musk ก็ทราบดีว่า Tesla ต้องไม่เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เพราะมีความเสี่ยงทางการเงิน แต่ต้องขยายให้กับซัพพลายเออร์ที่สนใจพลังงานสะอาดซึ่งยังมีอยู่มากในตลาดระดับโลก

Photo: Tesla

นักวิเคราะห์จาก AutoPacific ระบุว่า หุ้นของ Tesla อาจเป็นหุ้นที่แย่และมีความเสี่ยงที่สุด นั่นก็เพราะว่าแม้ Tesla จะมีกำไรตั้งแต่สองไตรมาสในปี 2003 แต่ Tesla ก็สูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ไปกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในแต่ละปีอย่างมหาศาล

ดังนั้น ราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นจะไม่มีผลอะไรเลย หากไม่เข้าใจว่า Tesla เป็นมากกว่าบริษัทรถยนต์ ฟังดูแล้วคล้ายๆ กับ Apple ที่ไม่ใช่เพียงแค่ขายโทรศัพท์ แต่เป็นบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง น่าสนใจว่าในอนาคต หาก Tesla ทำสำเร็จมากว่านี้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยสองด้าน หนึ่งคือพลังงาน และสองคือพาหนะรูปแบบใหม่ แต่เอาเป็นว่าในตอนนี้ Tesla น่าจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ก่อนว่าบริษัทมีรายรับมากกว่ารายจ่าย

อ้างอิง – QUARTZ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา