เทนเซ็นต์ คลาวด์ สนับสนุนทุกธุรกิจให้ก้าวสู่ระบบดิจิทัลได้เต็มประสิทธิภาพ ตอบเป้าหมายทุกองค์กร

ในปีที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายๆ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอด การทำ Digital transformation จึงเป็นสิ่งที่แต่ละองค์กรกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่การจะทำเรื่อง Digital transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีการวางแผน และกลยุทธ์ที่ดี ตั้งเป้าหมายขององค์กรที่ชัดเจน อีกทั้งใช้ระบบปฏิบัติการคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูงจากผู้ให้บริการคลาวด์ระดับมืออาชีพก็จะช่วยสนับสนุนให้การก้าวผ่านสู่ระบบดิจิทัลขององค์กรเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

tencent cloud

เมกะ เทรนด์ที่จะมีบทบาทในการวางกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัล

โลก และวิถีชีวิตของเรากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจจึงต้องมองให้ไกล เพื่อก้าวทันเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และนี่คือ เมกะ เทรนด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (ผลสำรวจ IDC InfoBrief ที่เทนเซ็นต์ คลาวด์ได้มอบหมายให้ไอดีซี (IDC) เป็นผู้จัดทำ) ที่จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทาง และกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ระบบดิจิทัลในอนาคต

โดยแบ่งออกได้เป็น 8 เรื่อง คือ

  • Hyper-personalization – ภายในปี 2564 ร้อยละ 15 ของแอปพลิเคชันที่ผู้บริโภคใช้ใน APEJ จะมีความเฉพาะเจาะจงแต่ละบุคคลสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยการผสานข้อมูลที่หลากหลายและอัลกอริธึมใหม่ๆ แบบ Reinforcement learning
  • Increased DX Spending – ภายในปี 2565 การลงทุนในด้านการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิทัลขององค์กรใน APEJ จะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 55 ของการลงทุนในด้านไอซีทีทั้งหมด
  • Decision at the Edge – ภายในปี 2565 ร้อยละ 80 ของธุรกิจใน APEJ จะประมวลข้อมูลระดับต่างๆ ณ หน่วยประมวลผลในเครือข่าย IoT ที่อยู่ใกล้ต้นทางมากที่สุด (Edge) และจะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ IoT Edge
  • Intelligence Process Automation – ภายในปี 2565 ร้อยละ 75 ของบริษัทใน APEJ จะนำระบบอัตโนมัติอัจฉริยะมาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและประมวลผล โดยใช้ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์เพื่อดึงข้อมูลกาดำเนินงานและประสบการณ์เชิงลึกมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างนวัตกรรม
  • Cloud Stack Expansion – ภายในปี 2567 ร้อยละ 10 ของ On-premise workloads ใน APEJ จะรองรับด้วยพับลิกคลาวด์สแต็คที่อยู่นอกศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์ และตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูลและเอดจ์ของลูกค้า
  • Outcome as a service – ภายในปี 2567 ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นส่วนสำคัญในทุกๆ ส่วนของธุรกิจใน APEJ โดยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบปัญญาประดิษฐ์ถึงร้อยละ 20 จะเป็นการใช้จ่ายด้านโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI solutions) ทั้งหมด ในฐานะ “Outcome as a service”
  • AI & Blockchain – ภายในปี 2567 บริษัทใน APEJ ร้อยละ 40 จะนำบล็อกเชนมาใช้เพื่อรองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สามารถทำความเข้าใจได้ (Explainable AI)
  • Big Bang Data – ภายในปี 2567 จะเกิด Big Bang Data จากความต้องการในการใช้ระบบอัตโนมัติที่ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ IoT และ Smart device ต่างๆ จนเพิ่มเกิน 40ZB โดยธุรกิจร้อยละ 20 จะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ได้แบบเรียลไทม์

tencent cloud

ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด เล่าให้ฟังว่า “จากเมกะ เทรนด์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าภายในปี 2565 องค์กรส่วนใหญ่จะมีการลงทุนในด้านการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิทัลขององค์กรถึงร้อยละ 55 ของการลงทุนในด้านไอซีทีทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ มีความต้องการในการเร่งปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิทัลเพื่อให้ก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทำ Digital transformation ของแต่ละองค์กรอาจจะแตกต่างกันออกไปด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ อีกทั้งความต้องการ และเป้าหมายที่วางไว้ของแต่ละองค์กร ดังนั้นสิ่งแรกที่องค์กรควรพิจารณา คือ การเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีความเชี่ยวชาญ และครบวงจร ที่จะเป็นผู้ให้คำปรึกษา และวางแผนให้กับองค์กร เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

ธุรกิจที่แตกต่าง โซลูชันก็ต้องแตกต่างกัน

แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจจะมีความต้องการ และเป้าหมายด้านการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลที่ไม่เหมือนกัน เทนเซ็นต์ คลาวด์ มอบบริการโซลูชัน และผลิตภัณฑ์คลาวด์อัจฉริยะเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างในทุกธุรกิจ เห็นได้จาก Used case ที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างนี้

  • การผลิต (Manufacturing): Tencent Cloud ร่วมงานกับ Foxconn Industrial Internet Co., Ltd. ในการพัฒนาระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) ตั้งแต่ปี 2561 โดย Foxconn นำกลยุทธ์ “Smart manufacturing + Industrial Internet” ที่มีเทคโนโลยีเซนเซอร์ (Sensor technology) ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart logistics) และระบบ Automated industrial control มาปรับใช้ ซึ่งสายการผลิตเกือบทั้งหมดนั้นสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติแล้ว จากความร่วมมือนี้ ช่วยให้ Foxconn สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้มากขึ้น
  • การเงิน (Finance): WeBank ธนาคารดิจิทัลชั้นนำจากประเทศจีน นำเทคโนโลยีด้าน Fintech มาปรับใช้ในธุรกิจประกอบด้วย 1) AI 2) Blockchain 3) Cloud computing 4) Big Data ตัวอย่างเทคโนโลยีของ Tencent Cloud ที่ WeBank ใช้บริการ เช่น ใช้ chatbot ในการตอบคำถามกว่า 68% ของลูกค้า และใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าในกระบวนการ e-KYC ในการยืนยันตัวตนกว่า 640 ล้านครั้ง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ของเทนเซ็นต์ช่วยลดต้นทุนด้านไอทีได้ ซึ่งต่างจากธนาคารอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายด้านนี้สูงมาก
  • การศึกษา (Education): การศึกษาทางไกล กลายเป็น New normal ของระบบการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพของการศึกษาในยุค New normal เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โรงเรียนในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนได้เปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งโดยได้ใช้ Tencent Cloud ในการจัดการติดตั้งระบบห้องเรียนออนไลน์ในเวลาเพียง 7 วัน ซึ่งแพลตฟอร์มรองรับถึง 81% ของผู้ใช้งานทั้งหมด (ประมาณ 730,000 คน) นอกจากนี้โซลูชันจาก Tencent Cloud ยังมอบบริการ Live video broadcast ที่มีความเสถียร และคุณภาพสูง โดยโซลูชันจาก Tencent Cloud สำหรับระบบการศึกษา ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ช่วยการสอนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อช่วยให้ผู้สอนสามารถวิเคราะห์ผลการเรียนของนักเรียนแต่ละคน เพื่อออกแบบการเรียนการสอนเฉพาะบุคคลซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ดียิ่งขึ้น

tencent cloud

ความพร้อมของเทนเซ็นต์ คลาวด์กับการเป็นผู้สนับสนุนให้ทุกธุรกิจก้าวสู่ระบบดิจิทัล

เทนเซ็นต์ คลาวด์ โดยเทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิลด์คลาสที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการในการใช้งาน พร้อมทั้งมีโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกๆ อุตสาหกรรม และมากไปกว่านั้น เทนเซ็นต์ คลาวด์ยังมีทีมสนับสนุนในประเทศไทยที่สามารถให้บริการ และคำปรึกษา พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนไทย รวมถึงมีศูนย์จัดเก็บข้อมูลตั้งอยู่ในประเทศ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าการถ่ายโอนข้อมูลจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย

ที่สำคัญการใช้บริการคลาวด์ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ยังทำให้องค์กร และธุรกิจสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริดที่พร้อมใช้งานได้ทั่วโลก น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และมีโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกธุรกิจ พร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน

ผู้ที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการของ Tencent Cloud สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tencent.co.th

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Branded Content เป็นบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์