UN รายงาน มีร้านอาหารในเอเชีย จีน ลาว ไทย หลายแห่งเป็นแหล่งฟอกเงินเกาหลีเหนือ?!

ใครจะไปคิดว่าแค่ไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารสักแห่งจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้เกาหลีเหนือได้ ข้อมูลจาก UN (องค์การสหประชาชาติ) รายงานว่า ถ้าคุณออกไปทานข้าวในร้านอาหารแถบเอเชีย คุณก็มีโอกาสที่จะถูก UN คิดว่า คุณกำลังช่วยเกาหลีเหนือฟอกเงินอยู่

Kim Jong-un คิม จองอึน

เนื้อหาที่ The Register รายงาน เผยว่า ร้านอาหารที่ดำเนินการโดยเกาหลีเหนือมักจะพบได้ในจีน ลาว ไทย และรัสเซียด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกร้านที่เป็นอาหารเกาหลี บ้างก็มีอาหารญี่ปุ่นและอาหารประเภทอื่นๆ เฉพาะแค่ในประเทศจีนก็มีร้านอาหารดังกล่าวถึง 65 แห่งแล้ว บางแห่งยังมีพนักงานที่เป็นชาวเกาหลีเหนือที่ใช้ภาษาจีนกลาง และก็มีชาวเกาหลีเหนือไม่กี่คนที่มีวีซ่าที่ถูกต้อง

จากรายงานระบุว่า ที่ต้องอ้างถึงอาหารก็เพราะ UN ระบุว่าร้านอาหารเหล่านี้ช่วยเกาหลีเหนือในด้านการฟอกเงินถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปี

รายงานเผยว่า เม็ดเงินที่เหลือส่วนใหญ่ก็มาจากการปล้นคริปโตและคนทำงานสายไอทีที่เป็นฟรีแลนซ์ก็จะส่งค่าแรงกลับไปยังเปียงยาง เป็นต้น ซึ่งรายงานจาก UN อาศัยข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Infosec) ของเกาหลีเหนือและยอมรับว่าสภาความมั่นคงกำลังสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่โจมตีทางไซเบอร์ 58 ราย

โดยเกาหลีเหนือที่กระทำต่อบริษัทที่มีความเกี่ยวพันกับสกุลเงินดิจิทัล นับตั้งแต่ปี 2017-2023 มีมูลค่ามากถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1 แสนล้านบาทและยังมีรายงานว่ามีการให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงของประเทศ โดยในปี 2023 มีการโจมตีถึง 17 ครั้ง UN คาดว่าเกาหลีเหนือจะได้รับเงินดิจิทัลมากถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท

คณะผู้เชี่ยวชาญคาดว่า กิจกรรมบางอย่างของเกาหลีเหนืออาจจำกัดด้วยกิจกรรมที่ต้องทำตามระเบียบอย่างเข้มงวดซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลระหว่างประเทศด้วย ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลหลากหลายปัจจัยตามหลักการ Zero-Trust (โมเดลด้านความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล) ซึ่งคณะผู้พิจารณายังต้องการให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติจำเป็นต้องสร้างระบบสำหรับการรายงานและการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามไซเบอร์ที่เกี่ยวพันกับเกาหลีเหนือ อุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลและภาคเอกชนด้วย

เป้าหมายอีกด้านหนึ่งขององค์การสหประชาชาติก็คือ แพลตฟอร์มและข้อกำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบการแลกเปลี่ยนแบบผ่านส่วนกลาง (Centralized) และการแลกเปลี่ยนแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized) ระบบเชื่อมต่อ ฯลฯ หากมีระบบที่ต่อต้านการฟอกเงินแลมีกระบวนการตรวจสอบที่มีกลไกตรวจจับได้ ก็มีโอกาสที่จะป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือปฏิบัติการได้สำเร็จ

อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เกาหลีเหนือทำไปก็เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคว่ำบาตร และใช้วิธีฟอกเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรด้วย ซึ่งก็รวมถึงการทำบริษัทร่วมทุนเพื่อเคลื่อนย้ายเงินและยังมีกิจกรรมอีกมากที่เกี่ยวข้อง

North Korea

ขณะที่ VOA รายงาน เกาหลีเหนือทำร้านอาหารกว่า 50 แห่งที่มีพนักงานเป็นพลเมืองของเกาหลีเหนือปฏิบัติการอยู่ในเมืองจีนหลาย 10 แห่ง การทำธุรกิจดังกล่าวก็เพื่อขนเงินกลับประเทศไปพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อ นอกจากนี้ ยังรายงานอีกว่า ร้านอาหารของเกาหลีเหนือตั้งอยู่ในปักกิ่ง 7 แห่ง เซี่ยงไฮ้ 7 แห่ง และที่เมืองเสิ่นหยาง เมืองหลวงของมณฑลเหลียวหนิงซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับเกาหลีเหนืออีก 17 แห่งและอีกหลายเมืองในจีน ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้น แต่ยังมีที่เวียดนาม ลาว กัมพูชา และไทยด้วย บางแห่งปิดไปตั้งแต่ถูกคว่ำบาตรในช่วงโควิดระบาด แต่อีกหลายแห่งยังเปิดอยู่

ที่มา – The Register, VOA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา