รู้จัก SISU หลักการแห่งความสุขระดับตำนานของฟินแลนด์ ยึดถือกันมายาวนานกว่า 500 ปี

โลกต่างรับรู้โดยทั่วกันว่า ฟินแลนด์ติดอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก 6 ปีติดต่อกัน บทความนี้จะพาไปขุดให้ลึกว่า แก่นแท้ของความสุขที่ชาวฟินแลนด์ยึดถือและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันคืออะไร? เผื่อว่ามันจะนำมาใช้เป็นแนวทางให้เราได้พ้นทุกข์บ้าง ไม่มากก็น้อย

Finland

ความหมายของ “SISU” ในสายตาของชาวฟินนิช ฟินแลนด์

ในมุมมองของนักเขียน

มีคนพูดถึงความหมายของ SISU ว่า ไม่สามารถเทียบเคียงเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษและแปลตรงตัวได้ง่ายๆ แต่รากศัพท์คำนี้ มีนัยยะที่สื่อถึงคำว่า “ภายใน” บางครั้งก็แปลว่า “ความแข็งแกร่งจากภายใน”

นักเขียนชาวฟินนิชที่ชื่อ Joanna Nylund เกิดและเติบโตที่เมือง Raseborg ทางตอนใต้ของฟินแลนด์ เขียนเล่าอธิบายเรื่องปรัชญาความสุขผ่านหนังสือที่ชื่อ SISU และยังถูกนำมาแปลเผยแพร่หลายภาษาด้วย Nylund มองว่า SISU คือความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นในการยืนหยัดอดทนต่อสู้กับความยากลำบาก และยังรวมถึงความสามารถในการควบคุมตนเองและความยืดหยุ่น เป็นหลักการที่สามารถนำมาใช้กับทุกแง่มุมของชีวิต

ในสายตาของนักวิจัย

ขณะที่ Emilia Lahti นักวิจัยและนักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวฟินนิช พูดถึงหลักการ SISU ว่า จริงๆ แล้ว Sisu ไม่สามารถหาคำแปลได้ตรงตัว คำที่น่าจะนำมาเทียบเคียงได้ก็คือความตั้งใจจริง ความเพียรพยายาม ถ้าตามวัฒนธรรมของฟินแลนด์ มันคือวิธีคิดหรือปรัชญาชีวิตของชาวฟินนิช มันคือความตั้งใจจริงเหนือธรรมดาในการเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากแสนสาหัส

Lathi กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญความทุกข์ยากอยู่แล้ว แต่ Sisu เป็นหลักคิดที่ทำให้เรายังมีความหวังแม้อยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้าย

ในภาษาฟินนิช Sisu ก็คือคำว่า periksi, anta, matto รวมเป็น pariksiantamattomuus ถ้าหากเราค้นหาความหมายของคำว่า Sisu ใน Google เราจะพบว่า คำนี้สะท้อนถึงชีวิตของชาวฟินแลนด์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามฤดูหนาว ทำอย่างไรที่เราจะต่อสู้กับศัตรูตัวร้ายนั้นได้ เราเอาชนะมันได้ด้วยทุกความหวังที่มี ความหมายของคำว่า Sisu อาจจะซ้อนทับกับความหมายของคำว่า Grit ที่นักจิตวิทยา Angela Duckworth เคยพูดถึงด้วยซ้ำ

ในฐานะที่ Lathi เป็นคนฟินแลนด์ ซ้ำยังชอบศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของความสุขและเรื่องของ Sisu เธอแบ่งนัยสำคัญของ Sisu ที่หากแบ่งเป็นสัดส่วนได้ จะพบว่า 62% คือกำลังสำรองที่ทำให้คนเกิดการกระทำที่พิเศษ เหนือธรรมดา เพื่อเอาชนะสถานการณ์ที่ท้าทายได้ 34% คือความทรหดที่ไม่ย่อท้อง่ายๆ ยืนหยัดที่จะไม่ยอมจำนน เพื่อคว้าเป้าหมายที่สำเร็จในระยะยาวได้ ส่วนอีก 4% เธอเว้นให้กับความไม่แน่นอน มันอาจจะหมายถึงการเว้นไว้เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เข้ามา

Sisu อาจมีองค์ประกอบที่ลงตัวของพลังแห่ง Resilience หรือความยืดหยุ่น อบอวลไปด้วย Grit และ Perseverance หรือความอดทน เพียรพยายามอย่างหนักเพื่อจะประสบความสำเร็จหรือคว้าชัยชนะบนความยากลำบากมาให้ได้

หลายครั้งที่เรามักพบการให้ความหมายคำว่า Sisu หมายถึงความอดทนหรือเพียรพยายามอย่างหนัก หรือกำลังพิเศษเหนือธรรมดาเหล่านี้ อาจหมายถึงว่า ถ้าไม่ได้ยึดหลัก Sisu เรื่องบางเรื่องที่เราต้องรับมือ เราอาจยอมถอดใจง่ายๆ แต่ถ้ายึดหลัก Sisu บางทีอาจหมายถึงการไม่ยอมจำนน ดื้อรั้น จะสู้ต่อ หรือจะเอาชนะสถานการณ์นั้นๆ ให้ได้ พยายามทำความเข้าใจที่จะฝ่าด่านมันมาให้ได้  

Sisu จึงมักถูกให้ความหมายว่าเหนือธรรมดา เพราะถ้ามีขีดความอดทนอยู่ในระดับธรรมดาคงถอดใจไปแล้ว แต่เหนือธรรมดาคืออาจจะต้องอดทนแทบตาย พยายามอย่างหนักหน่วง ยืนหยัด ไม่ยอมจำนนจนกว่าจะคว้าชัยชนะได้

ตัวอย่างสถานการณ์โหดร้ายในฟินแลนด์
สะท้อนความหมาย SISU อย่างลึกซึ้ง

ลำพังแค่ยกคำว่า “อดทน” “ยืดหยุ่น” “แข็งแกร่งจากภายใน” มาสะท้อนแนวคิดที่มาของความสุขของประเทศฟินแลนด์ อาจรู้สึกว่าเป็นคำชื่นชมที่ดูนามธรรมเกินไป จับต้องไม่ได้ แต่ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นภูมิหลังที่มาของฟินแลนด์ก็จะพบว่า นี่แหละคือความลึกซึ้งซึ่งเป็นแก่นแท้ของ SISU

ก่อนจะเป็นฟินแลนด์ แดนสวรรค์ ประเทศที่สุขสุดยอดติดอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องกัน 6 ปีนั้น ฟินแลนด์เคยเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนมาก่อน ถูกปกครองมาตั้งแต่ศตรรษที่ 12 จนกระทั่งปี 1809 จักรวรรดิรัสเซียก็สามารถเอาชนะสวีเดนได้ ช่วงนั้นฟินแลนด์จึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย

Finland, ฟินแลนด์
ก่อนจะสุขก็สุดมาก่อน: ฟินแลนด์เผชิญหน้าสงครามครั้งแล้ว ครั้งแล่า
ศึกในก็พ่ายแพ้ ศึกนอกก็ย่อยยับ

ปี 1917 เกิดการปฏิวัติรัสเซีย รัสเซียก็ยินยอมให้ฟินแลนด์ประกาศเอกราช จากนั้นก็เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาในฟินแลนด์ ต่อมา ปี 1940 ก็เกิดสงครามฤดูหนาว (Winter War) ทำให้ฟินแลนด์ต้องสูญเสียดินแดนให้รัสเซียไปราว 10%

สงครามระหว่างฟินแลนด์กับโซเวียตก็ยังคงยืดเยื้อสืบเนื่องไปถึงช่วง 1941-1944 ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ในที่สุด ฟินแลนด์พ่ายแพ้ต่อสงคราม ต้องชดใช้ด้วยการจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม จนกระทั่งปี 1948 ฟินแลนด์ก็จบลงด้วยการลงนามสนธิสัญญามิตรภาพกับสหภาพโซเวียตเพื่อแสดงจุดยืนผ่านนโยบายเป็นมิตรภาพที่เป็นกลางต่อโซเวียต

นี่ก็คือประวัติคร่าวๆ ของฟินแลนด์ ถ้าเปรียบเป็นคนก็ถือว่าผ่านมรสุมมาแบบ..สาหัสสากรรจ์

นิตยสารชื่อดังระดับโลกอย่าง TIME ก็เคยพูดถึงหลักการ SISU ตั้งแต่ปี 1940 ซึ่งก็เป็นช่วงที่ทำสงครามกับรัสเซียว่า Sisu มันประกอบไปด้วยความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อที่จะคว้าชัยชนะมาให้ได้ ในภาษาฟินนิชแปล SISU ว่าเป็น จิตวิญญาณของชาวฟินนิช

TIME เล่าถึงสัปดาห์ก่อนหน้า (งานชิ้นนี้เผยแพร่ 8 มกราคม 1940) ว่า ฟินแลนด์ได้โชว์ให้โลกเห็นถึงความหมายของ Sisu แล้ว โดยการนำประเทศเข้าสู่สงคราม รุกเข้าสู่ดินแดนรัสเซียในแนวรบด้านหนึ่ง ขณะที่อีกแนวรบหนึ่งก็ต้องต้านทานการบุกโจมตีอย่างไร้ความปราณีของกองทัพรัสเซีย ซึ่งก็พื้นที่ที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบ Laatokka และมหาสมุทรอาร์กติก

TIME มองว่าฟินแลนด์จะได้เปรียบจากจุดยุทธศาสตร์นี้ จากนั้นก็พูดถึงการรับมือกับสงครามกับรัสเซีย ซึ่งบทความที่พูดถึง ณ เวลานั้น ยังไม่รู้ผลแพ้-ชนะ แต่บทสรุปสุดท้ายก็คือเรื่องที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น ฟินแลนด์พ่ายแพ้สงครามและลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพในที่สุด

Sisu: the art of Finnish fortitude

Monocle Films นำเสนอความหมายของ Sisu ผ่านคลิปสั้นเรื่อง “ศิลปะแห่งความแข็งแกร่งของชาวฟินแลนด์” โดยนักข่าวที่เกิดในฟินแลนด์แต่ไปเติบโตที่แคนาดาได้มาร่วมสำรวจแนวคิดนี้ไว้ได้น่าสนใจว่า SISU หมายถึง เมื่อไรก็ตามที่คุณประสบกับปัญหาหรือความทุกข์ยากใดๆ ให้คุณเผชิญหน้ากับมัน มันเป็นศิลปะแห่งความแข็งแกร่งที่จะทดสอบความแข็งแกร่งภายในของคุณและท้าทายให้คุณได้เปิดโลกใบใหม่ โลกแห่งความเป็นไปได้รอบทิศทาง

ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีความหนาวเย็นปกคลุมตลอดเวลา แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังฟินแลนด์ก็มีระยะเวลาสั้น ซึ่งแสงอาทิตย์นี้สัมพันธ์กับการสร้างความสุขด้วย เมื่อถึงฤดูร้อนก็ไม่ได้มีอากาศร้อนจนทำให้คนเสียชีวิตได้แบบบ้านเรา ความทรมานที่ฟินแลนด์และประเทศเราต้องพบเจอเป็นคนละแบบ แต่เป็นเรื่องอากาศเหมือนกัน เมื่อหนาวเย็นมากๆ จึงนำไปสู่การฝึกสู้กับความหนาวเย็นด้วยการสู้กับมันซะเลย ถ้าเราหนาวเราอาจหมกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ อากาศหนาวบ้านเราไม่ได้มีให้ซึมซับมากนัก แต่อากาศหนาวบ้านเค้าเกิดขึ้นตลอดเวลา

ในคลิปนำเสนอความหนาวเหน็บที่ชาวฟินนิชหรือคนฟินแลนด์ต้องเผชิญในฤดูหนาว ท่ามกลางหิมะหนา ถ้าไม่ยึดหลัก Sisu คุณอาจรอให้เวลาผ่านไปจนเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้น แต่ถ้าคุณยึดหลัก Sisu แม้ว่าอากาศหนาวเย็นขนาดนั้นคุณจะเดินลงน้ำหรือว่ายน้ำได้ หมายความว่า ให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัญหา เผชิญหน้ากับมัน อยู่กับความทุกข์ยากนั้นได้ ซึ่งการว่ายน้ำท่ามกลางหิมะตกและเกล็ดหิมะลอยหนาเหนือน้ำนั้น คือการฝึกฝนที่ชาวฟินแลนด์นิยมทำกัน

การฝึกว่ายน้ำทุกๆ วัน ในทะเล ท่ามกลางอากาศหนาว หิมะโปรยปราย มันทำให้คุณรู้สึกว่าทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายของคุณแข็งแกร่งขึ้น ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น เมื่อคุณเริ่มเอาร่างกายของคุณค่อยๆ จุ่มลงไปในน้ำอันเย็นเฉียบ สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลและเริ่มทำงาน คุณจะรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ที่ได้ขณะที่ร่างกายว่ายอยู่ในมวลน้ำเย็นนั้น 

เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ตั้งแต่แรกเริ่ม มันต้องผ่านการฝึกฝน ทำครั้งแรกจะค่อนข้างลำบาก มันจะเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง แต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ หลังว่ายน้ำเสร็จ คุณจะรู้สึกปลดปล่อย รู้สึกถึงความสุขที่พรั่งพรู ความเจ็บปวด ความกังวล ความทุกข์ที่เคยมีทั้งทางจิตใจและร่างกายจะถูกปลดเปลื้องออก ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็คือเซนส์ของคำว่า SISU หลักการความสุขที่ชาวฟินแลนด์ยึดถือกันมานานกว่า 500 ปี

ที่มา – Finland.fi (1), (2), BBC, TIME, Britannica, Monocle Films, Tedx Talks

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา