เมื่อ “ที่ดิน” ไม่ใช่จุดแข็งเดียวของอสังหาฯ SIRI VENTURES เฟ้นหา Prop Tech เสริมแกร่งธุรกิจ

การเข้ามา disrupt ของเทคโนโลยีในธุรกิจยุคปัจจุบัน ทำให้หลายวงการต้องเร่งเครื่องพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต ไม่เว้นแม้แต่วงการอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุด สิริ เวนเจอร์ส (SIRI VENTURES) เดินหน้าโครงการเฟ้นหาสตาร์ทอัพไทยเพื่อเสริมแกร่งธุรกิจและต่อยอดวงการ Prop Tech ให้ไปไกลถึงระดับโลก

สิริ เวนเจอร์สเฟ้นหาสตาร์ทอัพไทย ดันไกลสู่ระดับโลก

สิริ เวนเจอร์ส ประกาศเดินหน้าเฟ้นหาสตาร์ทอัพไทยเพื่อสานต่อพันธกิจขององค์กรเรื่องการลงทุนในสตาร์ทอัพ และมุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ “Complete Your Living Experience” พร้อมทั้งเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แสนสิริจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าธุรกิจในสตาร์ทอัพที่ได้ลงทุน

โครงการเฟ้นหาสตาร์ทอัพของสิริ เวนเจอร์สครั้งนี้ ได้คัดเลือกเทคสตาร์ทอัพในงาน Techsauce Global Summit 2018 ที่จะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ SIRI VENTURES  Connection Platform

เทคสตาร์ทอัพที่สิริ เวนเจอร์สนใจได้แก่

  • สาย Prop Tech
  • สาย Living Tech
  • สาย Health and Wellness Tech
  • สาย Construction Tech

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ Chief Technology Officer บริษัทสิริ เวนเจอร์ส จำกัด ระบุว่า “สิริ เวนเจอร์สพร้อมผลักดันให้แนวคิดธุรกิจ Prop Tech เกิดขึ้นและเติบโตได้จริงอย่างรอบด้านในทุกขั้นตอน ทั้งการสนับสนุนด้านเงินทุน คำแนะนำและการเข้าร่วมเวิร์คช็อปจากผู้เชี่ยวชาญ ในธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Prop Tech ในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจทั้งระดับประเทศและระดับโลก”

นอกจากนั้น สิริ เวนเจอร์สยังมองว่า ความแข็งแกร่งของสตาร์ทอัพไม่ได้ขึ้นอยู่กับทีมงานหรือบริษัทที่ลงทุนเท่านั้น หากแต่คือ ecosystem อันแข็งแกร่ง CTO ของสิริ เวนเจอร์ส ระบุอีกด้วยว่า ทีมที่เข้ามาร่วมจะได้รับการส่งเสริมในระดับโลก

“สิริ เวนเจอร์สจะสนับสนุนผู้ชนะเลิศหนึ่งเดียวเพื่อเดินทางไปนำเสนอแผนธุรกิจกับนักลงทุนระดับโลกที่ Silicon Valley ศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกที่สามารถผลักดันให้ต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมสานต่อความร่วมมือกับเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก Plug and Play ซึ่งเป็น Ventures Capital ชั้นนำของ Silicon Valley ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสตาร์ทอัพตัวเด่นๆ เช่น เดนเจอร์, ดร็อพบ็อกซ์, เลนดิง คลับ, เพย์พาล, ซาวด์ฮาวด์ และซูสค์ เพื่อเชื่อมโยงแสนสิริ และสตาร์ทอัพไทยกับนักลงทุนและองค์กรที่มีศักยภาพจากทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนด้านความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ นับเป็นการเปิดประตูเชื่อมโยงธุรกิจ Prop Tech ไทยสู่การแข่งขันในระดับโลก และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างระบบนิเวศของสตาร์ทอัพด้าน PropTech ที่แข็งแกร่งให้เกิดขึ้นในประเทศไทย”

สิ่งที่สิริ เวนเจอร์สต้องการ

การเฟ้นหาการลงทุนและสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพไทย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะตอบโจทย์การเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ

การเร่งชิงตัวสตาร์ทอัพไทยที่มีศักยภาพสูงของสิริ เวนเจอร์ส เป็นหนึ่งในแผนธุรกิจเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยอย่างครบวงจรของลูกบ้านแสนสิริ ผ่านการพัฒนาที่ครอบคลุมเทคโลยีสำหรับการทำธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Holistic Property Technology Landscape)

สิริ เวนเจอร์ส ระบุว่า ภายใต้การสนับสนุนจากสิริ เวนเจอร์ส นวัตกรรมจากทีมสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกจะนำมาทดสอบความเป็นไปได้ทางธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้งานจริง การสนับสนุนทั้งด้านการขายและการขยายตลาด ซึ่งไม่จำกัดเพียงเฉพาะลูกค้าของแสนสิริ แต่ยังมุ่งสร้างโอกาสในการเติบโตสู่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ไปจนถึงตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมทั้งร่วมกันผลักดันนวัตกรรมนั้นๆ ให้ได้รับการจดสิทธิบัตรต่อไป

ยกตัวอย่างสตาร์ทอัพรายล่าสุดที่สิริ เวนเจอร์สเข้าลงทุน เช่น

Semtive ผู้พัฒนาเทคโนโลยี Wind Turbine กังหันลมเพื่อเปลี่ยนพลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกระแสลมแรงเหมือน Wind Farm และใช้ได้บนพื้นที่จำกัดในเมือง เช่น บนหลังคาบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ด้วยเงินลงทุนกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพัฒนาด้าน Living Tech นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้ลูกบ้านควบคุมการใช้ไฟฟ้า และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกันในชุมชน

SAN:DEE หุ่นยนต์ส่งพัสดุและเอกสารตามห้อง (Delivery Bot) ซึ่งมีระบบเซ็นเซอร์ ขึ้นลงลิฟต์เองได้ ต่อไปมีโอกาสจะพัฒนาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินตรวจตามโครงการและติดกล้องสำหรับดูแลความปลอดภัย

Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาไทย ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Home Service App ในการติดต่อกับฝ่ายนิติบุคคล ช่วยเตือนเรื่องบิลต่างๆ และในอนาคตจะสามารถชำระค่าสาธารณูปโภคและส่วนกลางได้

รู้จักกับ One Stock Home ผู้ชนะโครงการ

สำหรับทีมสตาร์ทอัพที่ชนะในโครงการ คือ One Stock Home ร้านค้าวัสดุก่อสร้างออนไลน์ นำทีมโดย นายอนวัช คิมหสวัสดิ์ (เคี้ยว) ซึ่งทางคณะกรรมการจากสิริ เวนเจอร์ส, SOSA และ Plug and Play ลงความเห็นว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพในการก้าวสู่เวทีโลก

นายอนวัช คิมหสวัสดิ์ CEO ของบริษัท One Stock Home บอกว่า จุดเริ่มต้นคือ ความต้องการอยู่รอดในธุรกิจวัสดุก่อสร้างของที่บ้าน ซึ่งมีคู่แข่งรายใหญ่กำลังเข้ามาทำตลาด โดยทางออกที่มีโอกาสที่สุดคือ การเข้าสู่ระบบออนไลน์ ลูกค้าที่ต้องการข้อมูลสามารถเข้า Google แล้วค้นหาได้ One Stock Home จะปรากฎผลขึ้นมาทันที

“One Stock Home ยังไม่มีแอพ แต่มีการพัฒนาเว็บไซต์อย่างดี ทำ ​SEO อย่างเป็นระบบ ลูกค้าที่ค้นหาจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน จะเจอ One Stock Home และทีมงานยังมีการเก็บข้อมูลไปพัฒนาระบบ Smart Search ต่อ เป็นการทำ Data Analytics รู้ความต้องการของตลาด”

ทีมงาน One Stock Home มีทั้งหมด 23 คน เป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศ และเข้าใจในธุรกิจวัสดุก่อสร้างเป็นอย่างดี เป้าหมายในอนาคต One Stock Home สามารถช่วยให้วงการอสังหาริมทรัพย์​ สามารถก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่มาต่อยอดได้

สรุป: หัวใจของการแข่งขันในอนาคตอยู่ที่เทคโนโลยี

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นบริษัทมากมายจากหลากหลายวงการทั้งไทยและเทศต่างเร่งเครื่องลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านเหล่าบรรดาสตาร์ทอัพ เพราะปัจจัยสำคัญของการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคนี้คือความแข็งแกร่งของ “เทคโนโลยี”

สิริ เวนเจอร์ส บริษัทร่วมทุนแบบ CVC ระหว่าง แสนสิริ กับ SCB ชิงลงทุนในสตาร์ทอัพไทยสาย Prop Tech พร้อมทั้งประกาศเฟ้นหาและลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอย่างเป็นทางการ และพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมให้เติบโตไปไกลถึงระดับโลก เชื่อมต่อกับสตาร์ทอัพหัวกะทิของโลกที่ Silicon Valley ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งหมดนี้คือแผนใหญ่ระยะ 3 ปีของสิริ เวนเจอร์สในการเฟ้นหาสตาร์ทอัพศักยภาพสูงมาเข้าร่วมเป็น SIRI VENTURES Connection Platform รวมถึงความร่วมมือเพื่อสร้างระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพร่วมกับเครือข่ายสตาร์ทอัพจากหลากหลายสาขาทั่วโลก และพัฒนานวัตกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้ได้จริงในธุรกิจ โดยได้ตั้งเป้าสร้างเครือข่ายกับผู้พัฒนานวัตกรรมใหม่ด้าน Prop Tech อย่างน้อย 200 รายภายในปี 2020

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา