บทวิเคราะห์จาก SCB CIO ชี้กรณีแย่สุด COVID-19 อาจทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวในปีนี้

บทวิเคราะห์ล่าสุดจาก SCB CIO ชี้กรณีแย่สุดของ COVID-19 อาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงปี 2021 นอกจากนี้ยังมีมุมมองการลงทุนหลังจากนี้ด้วย

Bangkok People Face Masks COVID-19
ภาพจาก Shutterstock

บทวิเคราะห์จาก SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ได้มองถึงเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นกับเศรษฐกิจในขณะนี้คงหนีไม่พ้นของกรณี COVID-19 ที่มีจุดเริ่มต้นการแพร่กระจายในประเทศจีน และแพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ ในตอนแรกที่นักวิเคราะห์และหน่วยงานต่างๆ ที่เคยประเมินไว้ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะไม่มาก และจบได้รวดเร็วเหมือนช่วง SARS ที่แพร่ระบาดช่วงปี 2003 จึงต้องทำการประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่าที่คาด

นอกจากนี้ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อ Demand และ Supply ของสินค้าและบริการทั่วโลก ทำให้เม็ดเงินที่เคยถูกใช้เพื่อกระตุ้นการบริโภคกับการลงทุน ปัจจุบันต้องนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันไวรัส ดูแลผู้ป่วยและค้นคว้าวิธีรักษาแทน

SCB CIO มองว่าปัจจุบันเราคงหลีกเลี่ยง “เศรษฐกิจชะลอตัว” ไม่ได้อีกต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ในหลายประเทศ โดย SCB CIO มองว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเกิดได้ 2 เหตุการณ์ในแต่ละกรณีจะเป็น ดังนี้

ไตรมาส กรณีฐาน – เศรษฐกิจโตชะลอตัว กรณีแย่สุด – เศรษฐกิจถดถอย
1 จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นน้อยลงมากในจีน  ผู้ป่วยในจีนรักษาหายเป็นจำนวนมากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว 1. ทั่วโลกยังมีการแพร่กระจายไวรัสเพิ่มขึ้นสูง ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งเอเชียและยุโรปออกมาแย่
2. จีนเกิดการแพร่ระบาดเป็นรอบที่ 2
2 1. จีนกลับมาดำเนินธุรกิจได้ปกติในเดือน เมษายน
2. ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือนเมษายน หลังจากนั้นจึงค่อยปรับตัวลดลง ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกออกมาย่ำแย่
1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมได้
2. ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกออกมาย่ำแย่
เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
3 1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกลดลงและมีผู้รักษาหายเป็นจำนวนมาก
2. Demand ของผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง โดยเริ่มต้นที่ประเทศจีน และทั่วโลกเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020
1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยเป็นช่วงที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุด
2. Demand ทั่วโลกหดตัว ผู้บริโภคเกิดภาวะกลัวและขาดความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย
4 เศรษฐกิจทั่วโลกสามารถกลับมาดำเนินได้ปกติ เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงปี 2021

SCB CIO ยังมองว่าหากใช้สมมติฐาน ให้อัตราติดเชื้อของจีนในช่วงที่เพิ่มขึ้น มาใช้กับประเทศอื่นทั่วโลกนั้น จะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงกว่าจำนวนปัจจุบันมาก โดยอาจสูงถึง 270,000 ราย ในช่วงกลางเดือนเมษายน เนื่องจากเรามองว่าประเทศอื่นมีมาตราการกักตัวและปิดเมืองได้ไม่ดีเทียบเท่าจีน และอุณหภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวเชื้อไวรัสยังแพร่ระบาดได้อีก

Taipei People Face Masks Covid-19
ภาพจาก Shutterstock

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

SCB CIO มองว่าปัจจัยที่จะเกิดเหตุการณ์นี้คือการที่สหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมการแพร่กระจายไวรัสได้ หรือกรณีที่ประเทศจีนมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่ โดยปัจจุบันเราจะเห็นธนาคารกลางทั่วโลก เช่น Fed ใช้นโยบายการเงิน โดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1% เหลือ 0-0.25% และอัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ

การดำเนินนโยบายดังกล่าวแม้จะไม่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคหรือฝั่ง Demand ที่เกิดจากความกังวลของโรค COVID-19 แต่จะช่วยไม่ให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่องในกิจการที่ได้รับผลกระทบ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้านเครดิตจนไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ ส่งผลต่อการปิดกิจการ และเป็นวิกฤติการเงินเหมือนช่วงปี 2008 อีกครั้ง

มุมมองการลงทุน

เมื่อเหตุการณ์โรค COVID-19 คลี่คลายลง กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วก่อนกลุ่มอื่นนั้นจะเป็น กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการที่สายการผลิตหยุดชะงักจากห่วงโซ่การผลิตที่มีการปิดเมืองและโรงงานบางแห่ง ตามมาด้วย กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวกลับมา ทำให้กลับมาใช้จ่ายและบริโภคเช่นเดิม ส่วนในกลุ่มของสายการบิน การท่องเที่ยวและโรงแรมนั้นจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวช้าที่สุด เนื่องจากแม้โรคจะสงบลงแต่ความเชื่อมั่นในการเดินทางไปท่องเที่ยวนั้นต้องใช้เวลาจนกว่าจะกลับมา

SCB CIO ยังมองว่านักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวและรับความผันผวนได้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ Valuation อยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูกในช่วงหลายปี ควรทยอยเข้าลงทุน แม้ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี โดยเน้นลงทุนไปยังบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือกลุ่ม REITs ที่มีกระแสเงินสดจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เป็นทางเลือกแรกๆ

แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ไม่มาก ควรลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง หรือตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือสูง และควรรอจังหวะเข้าลงทุนต่อไปเมื่อความกลัวหายไปหลังโรค COVID-19 เริ่มคลี่คลาย

เนื่องจากไตรมาส 1 และ 2 นี้ตลาดมีความผันผวนและอาจปรับตัวลดลงได้เป็นระยะเนื่องจากโรค COVID-19 ยังหาจุดจบไม่ได้ แต่ SCB CIO มองว่าในระยะยาวการลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขันสูง และเป็นบริษัทที่เคยผ่านบททดสอบช่วงวิกฤตมา จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในท้ายที่สุดได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ