Robinhood-Google Cloud-MFEC เดินหน้าสร้าง Super App แรกสัญชาติไทย

ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์ม “โรบินฮู้ด” กล่าวว่า รูปแบบธุรกิจที่แตกต่างของโรบินฮู้ดช่วยให้เราสามารถสร้างรายได้จากบริการอื่นๆ เช่น การให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาในระบบนิเวศของเรา แทนการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์มซึ่งเป็นการตัดรายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรม

robinhood

ก่อนขยายสู่บริการอื่นๆ ได้แก่ บริการจองทัวร์และกิจกรรม บริการเช่ารถ และบริการจองตั๋วเครื่องบิน รวมถึงบริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้า (Mart Service) และบริการรับ-ส่งของ (Express Service) เพื่อมุ่งสู่การเป็น Super App สัญชาติไทย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า

สีหนาท ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับ Google Cloud และ MFEC ในครั้งนี้เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะยึดพื้นฐานหลัก 5 ประการดังนี้

  • การพัฒนาผู้ที่มีทักษะและวัฒนธรรมที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม: โรบินฮู้ด, Google Cloud และ MFEC จะสร้างศูนย์ส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์ (CCoE) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ การจัดการข้อมูล และการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัยเพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมที่คล่องตัวในหน่วยธุรกิจของโรบินฮู้ด และเร่งสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พนักงานของโรบินฮู้ดจะได้ประโยชน์จากโปรแกรมการรับรองและการเพิ่มทักษะเฉพาะของ CCoE ซึ่งใช้หลักสูตรเดียวกันกับที่ Google ใช้เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของตนเอง พนักงานเหล่านี้จึงมีความรู้ความสามารถเพียบพร้อมในการจัดการการติดตั้งใช้งานระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ รวมถึงใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก
  • การยกระดับคุณภาพของบริการดิจิทัล: การย้ายระบบไปยังโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดของ Google Cloud ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) มีความปลอดภัย รองรับการขยายตัว ทำให้โรบินฮู้ด สามารถให้บริการในระบบนิเวศของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดปริมาณ carbon footprint ของปริมาณงานในทีมไอที จากนั้น CCoE จะทำให้เข้าถึงการใช้ Microservices และ Google Play Store เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันของลูกค้าและไรเดอร์ของโรบินฮู้ดยังคงมีประสิทธิภาพ เสถียร และใช้งานง่าย แม้ว่าจะมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ และมีผู้ใช้ในปริมาณมากก็ตาม
  • การมีส่วนร่วมที่เจาะจงมากขึ้นของผู้ใช้: CCoE จะสร้างและจัดการเครื่องมือสำหรับข้อมูลอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ระดับแนวหน้าของ Google อย่างเทคโนโลยี AI และ ML เพื่อช่วยให้พนักงานของโรบินฮู้ดรู้ทันและนำหน้ารูปแบบการบริโภคของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียดในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้าเหล่านั้นช่วยเพิ่มรายได้เพิ่มแหล่งรายได้ของผู้ขายเหล่านี้อีกด้วย
  • ฃการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของไรเดอร์: โรบินฮู้ดจะสำรวจโดยใช้ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Google Maps Platform เพื่อติดตามการสร้างและการผสานรวมฟีเจอร์การขนส่งแบบออนดีมานด์อย่างรวดเร็ว เช่น การมอบฟีเจอร์การนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวในแอปหลังจากที่ระบุเส้นทางที่สั้นหรือเร็วที่สุดให้แก่ไรเดอร์ เพื่อให้ขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่งออเดอร์ได้เร็วขึ้น และมีรายได้มากขึ้น ผู้ใช้บริการส่งอาหารของโรบินฮู้ดจะเห็นการแสดงตำแหน่ง เส้นทาง สภาพการจราจร และเวลาถึงโดยประมาณของไรเดอร์แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือหรือยกเลิกออเดอร์น้อยลง
  • การให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย: หลังจากที่พบว่าการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างรวดเร็วสามารถเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจขนาดเล็กและไรเดอร์อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ โรบินฮู้ดจะพัฒนาแนวคิดริเริ่มด้านการสร้างนวัตกรรมร่วมกันกับ Google Cloud เพื่อใส่บริการ Virtual Banking และสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กลงในแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสมัครขอสินเชื่อเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่และจ้างพนักงานได้อย่างไร้รอยต่อ หรือให้ไรเดอร์สามารถเช่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้

คุณเอพริล ศรีวิกรม์ Country Manager, Google Cloud ประจำประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและการขนส่ง อีคอมเมิร์ซ บริการจองการเดินทางออนไลน์ และบริการทางการเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นประเภทธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตที่ฟื้นตัวขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2025

ดังนั้น การลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ และการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Google Cloud, Google Maps และ Google Play เพื่อปรับขนาดองค์กรอย่างยั่งยืน และสร้างนวัตกรรมในอัตราความเร็วสูง รวมถึงการขยายรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมไปสู่ประเภทธุรกิจใหม่ๆ ทำให้ โรบินฮู้ดสามารถก้าวสู่การเป็น Super App ระดับโลกที่ตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและปลดล็อกโอกาสในการเติบโตสำหรับทุกภาคส่วนในอนาคต”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา