เปิดวิธีทำธุรกิจแบบเศรษฐีฮ่องกงผู้ได้ชื่อเป็น Warren Buffett แห่งเอเชีย

Brand Inside ชวนมาทำความรู้จัก Lee Shau-kee (ลี เชา-กี) มหาเศรษฐีเจ้าของที่ดินรายใหญ่ในฮ่องกงที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 32.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.04 ล้านล้านบาท) ควบคู่กับตำแหน่งนักลงทุนชื่อดังในตลาดหุ้น จนได้รับการขนานนามว่าเป็น Warren Buffett แห่งเอเชีย

เศรษฐีฮ่องกง

เปิดประวัติคร่าวๆ ของมหาเศรษฐี Lee Shau-kee

Lee Shau-kee คือเศรษฐีชาวฮ่องกงวัย 93 ปีผู้ก่อตั้ง Henderson Land Development บริษัทเจ้าของที่ดินรายใหญ่ที่สุดในฮ่องกงซึ่งรับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และสร้างทั้งห้าง โรงแรม คอนโดหรู ที่อยู่อาศัย รวมถึงอาคารสำนักงาน อย่าง International Finance Center ในฮ่องกง หรือ World Financial Center ในกรุงปักกิ่ง 

ไปจนถึงการซื้อขายวัสดุก่อสร้าง การให้บริการทำความสะอาด การรักษาความปลอดภัย ทั้งยังมีบริษัทในเครืออย่าง Hong Kong and China Gas Company Limited ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ก๊าซรายใหญ่ของฮ่องกงที่มีลูกค้ามากกว่า 20 ล้านราย

นับจากวันก่อตั้งบริษัทในปี 1976 ถึงปัจจุบันธุรกิจ Henderson Land Development ก็ดำเนินมาเป็นระยะเวลากว่า 45 ปีแล้ว

แนวคิดการทำธุรกิจที่น่าสนใจจากเจ้าพ่อที่ดินถิ่นฮ่องกง

Lee Shau-kee เชื่อว่า “ยิ่งทำธุรกิจแล้วได้รายได้มากเท่าไหร่ ยิ่งน่านำผลตอบแทนกลับไปช่วยสังคม” ดังนั้น สิ่งที่เขาทำเสมอมาคือสร้างโครงการช่วยเหลือคนยากลำบากให้มากเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น 

  • โครงการร่วมมือกับภาครัฐฟื้นฟูเขตชุมชนเก่า เพื่อซ่อมแซมบ้านที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทำให้ช่วยป้องกันอันตรายจากการเสื่อมสภาพของอาคาร และลดปัญหาด้านความปลอดภัยในชุมชน
  • โครงการหอพักราคาย่อมเยาสำหรับเยาวชน Lee Shau-kee เข้าใจดีว่าที่อยู่ในฮ่องกงมีราคาแพง เขาเลยบริจาคที่ดินเพื่อสร้างหอพักสำหรับเยาวชนขึ้นมาโดยเฉพาะ 
  • โครงการบ้านพักคนชรา ในแถบ Yuen Long เพราะที่ฮ่องกงยังขาดแคลนบ้านพักคนชราอยู่
  • โครงการบ้านคอนเทนเนอร์สำหรับกลุ่มคนยากจน ในพื้นที่ Sham Shui Po เพราะ Lee Shau-kee อยากผลักดันให้คนกลุ่มนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

Lee Shau-kee ยังบริจาคเงินหลักพันล้านเพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยชิงหวา (Tsinghua university) มหาวิทยาลัยฟู่ตัน (Fudan University) และมหาวิทยาลัยท้องถิ่นอีกกว่า 10 แห่งในฮ่องกง 

แต่ไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ Lee Shau-kee ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชาวนาชาวสวน โดยได้จัดอบรมความรู้ด้านเกษตรกรรมให้แก่เกษตรกรในฮ่องกงกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว

3 เคล็ดลับการลงทุนจากชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Warren Buffett แห่งเอเชีย

Lee Shau-kee เล่าว่า ตั้งแต่ช่วงก่อตั้งบริษัท เขาไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษเลย เพียงแต่ใช้ความมานะบากบั่นมาเรื่อยๆ จนสามารถวิเคราะห์ได้ว่าที่ดินแบบไหนมีศักยภาพในการนำไปสร้างมูลค่าต่อ ดังนั้น เขาจึงให้คุณค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ และใส่ใจในการลงทุนมาตลอดโดยใช้ 3 มุมมองนี้

1.เลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม

Lee Shau-kee ชอบลงทุนในอุตสาหกรรมที่ควบคุมโดยรัฐวิสาหกิจ (SOEs) ซึ่งมีผลประกอบการดี ในเวลาที่เหมาะสม แม้ว่าหลายๆ คนจะมองข้ามและไม่ชอบลงทุนในกิจการประเภทนี้ก็ตาม 

2.เน้นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่แค่เก็งกำไร

แม้จะมีทรัพย์สินมากมายแต่ Lee Shau-kee ไม่ได้ทุ่มลงทุนในหุ้นต่างๆ เพื่อหวังผลกำไรมากจนเกินเหตุ ในทางกลับกัน เขาค่อยๆ คัดเลือกหุ้นและสนับสนุนการลงทุนระยะยาว ซึ่งช่วยสร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกว่า

3.ควบคุมอารมณ์อยู่เสมอและใจเย็นเข้าไว้ในเวลาลงทุน

Lee Shau-kee มองว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มักคร่ำเคร่งกับความผันผวนของตลาดหุ้นมากจนเกินไป แต่เขาไม่อยากเป็นอย่างนั้น จึงฝึกควบคุมสติโดยนั่งสมาธิอย่างต่ำครั้งละ 1 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน

โดยสรุป

Lee Shau-kee มีความเชื่ออย่างมากว่า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน และโลจิสติกส์ระดับนานาชาติ ส่วนในมุมของมหาเศรษฐีคนหนึ่งนั้น นับว่าเขาเป็นตัวอย่างดีๆ ที่น่าเรียนรู้ของนักธุรกิจผู้ให้

ที่มา : ouhkedu, bloombergquint, asianikkei, oxstones, hld, macrotrends, forbesforbesthailand, medium

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา