“แบรนด์หรูก็ Online ได้” PP Group ผู้นำเข้าสินค้า Luxury ลุย Ecommerce เปิดด้วย Longchamp

การซื้อของแบรนด์หรู หรือกลุ่ม Luxury นอกจากเรื่อง Functional ผู้ซื้อย่อมใช้ Emotional ในการตัดสินใจซื้อด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในร้าน Offline แล้วทำไม PP Group ผู้ขายสินค้า Luxury ถึงกล้าลุย Online ล่ะ?

หน้าร้าน Longchamp บน Ecommerce ของ PP Group

Online คืออีกโอกาสในการขยายตลาด

เมื่ออ้างอิงข้อมูลจาก ecommerce IQ พบว่า ภาพรวมตลาด Ecommerce ในประเทศไทยของปี 2559 มีมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 96,000 ล้านบาท และกลุ่มสินค้าแฟชั่นถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญ ผ่านมูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ หรือราว 13,650 ล้านบาท

นั่นทำให้ PP Group ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นมีโอกาสเข้าไปมีส่วนแบ่งในมูลค่าตลาดดังกล่าวได้ แม้ตัวบริษัทจะจำหน่ายสินค้าแฟชั่นในระดับ Luxury เช่นแบรนด์ Emilio Pucci และ Givenchy ก็ตาม แต่การจะเข้าไปมีส่วนร่วมครั้งนี้ต้องเริ่มในกลุ่มสินค้า Afforadable Luxury ก่อน เพราะมีความแพร่หลาย และตัดสินใจซื้อง่ายกว่า

สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ บริษัท พีพี กรุ๊ป จำกัด

สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ บริษัท พีพี กรุ๊ป จำกัด เล่าให้ฟังว่า จากความสำเร็จในการทดลองจำหน่าย Online ผ่านหน้า LINE@ บนแอปพลิเคชั่น LINE กับแบรนด์ Longchamp ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้า Luxury ของคนต่างจังหวัดที่ไม่ต่างกับคนในเมือง จนเป็นอีกโอกาสสำคัญทางธุรกิจ

เสริมแบรนด์ใหม่รับยอด Digital เติบโต

“การจำหน่ายสินค้าบนโลก Online นั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว และพอเราลองทำการขายกระเป๋า Longchamp ผ่าน LINE@ ก็พบว่ามันมียอดขายจากทั่วประเทศเข้ามา อาจเพราะเราค่อนข้างน่าเชื่อถือผ่านการเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย ประกอบกับทำราคาลงมาที่ 4,000-40,000 บาทก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น”

ทำให้ PP Group ตัดสินใจลงทุนเปิดเว็บไซต์จำหน่ายแบบ Ecommerce เต็มตัว เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว โดยเริ่มต้นที่แบรนด์กระเป๋า Longchamp เช่นเดิม พร้อมชูจุดเด่นเรื่องบริการหลังการขายที่เหมือนการซื้อผ่านหน้าร้านทุกประการ และมีสินค้าแบบ Online Exclusive เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เกิดขึ้นตลอดเวลา

สำหรับภาพรวมยอดขาย Longchamp ของบริษัทนั้นเติบโต 15% ทุกปี และคาดว่าการทำตลาด Online อย่างจริงจังจะทำให้กระเป๋าแบรนด์นี้เติบโต 20-30% ในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้บริษัทเตรียมนำ MCM อีกแบรนด์ Affordable Luxury ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย ไปจำหน่ายบนช่องทาง Ecomerce ของบริษัทเช่นกัน

สัดส่วน Ecommerce ยังน้อย แต่แนวโน้มโตสูง

อย่างไรก็ตามถึงมีการเปิดเว็บไซต์ onlinestore.ppgroupthailand.com ต่อยอดจากการขายบน LINE@ แต่ยอดขาย Ecommerce ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนแค่ 5% ของยอดขายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 1,200 ล้านบาท แต่ในอนาคต Ecommerce อาจมีบทบาทมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะเป็นการขายแบบไม่มีกรอบใดๆ

“Ecommerce เข้าถึงได้ทุกคน ยิ่งประเทศไทยมีการใช้งาน Smartphone กันเกือบทุกคน ทำให้โอกาสมันเปิดกว้าง และตัวเว็บ Ecommerce ของเราที่ Soft Launch ไปเมื่อต้นเดือนเม.ย. ก็มียอดขายมาจากทั่วประเทศ และ 80% คือยอดขายจาก Smartphone ที่สำคัญ เราเชื่อว่า PP Group ทำตลาดสู้กับกลุ่ม Gray Market ได้”

การซื้อสินค้าแบบ Ecommerce

ทั้งนี้ PP Group ปัจจุบันเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Luxury ทั้งหมด 9 แบรนด์คือ Céline, Emilio Pucci, Givenchy, Loewe, Longchamp, MCM, Roger Viiver, Tod’s และ Tory Burch โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุน 150-200 ล้านบาท เพื่อขยายหน้าร้านจาก 21 แห่ง นอกจากนี้ยังนำเข้าแบรนด์ Off-White มาจำหน่ายเพิ่มเติม

สรุป

การจำหน่ายสินค้า Luxury นั้น ถ้าโยนสินค้าขึ้นไปบน Online เฉยๆ การจะจูงใจผู้ซื้อก็คงยาก เพราะมันต้องใช้ Emotional ในการตัดสินใจ ดังนั้นการลงทุนเรื่อง Social Media และการทำเว็บไซต์ที่มีลักษณะกระตุ้นให้เกิดการซื้อตลอดเวลา ก็น่าจะช่วยได้ แต่อย่าลืมว่าตลาดนี้ก็มีคู่แข่งเป็นร้าน Multibrand จากสิงคโปร์ที่อยู่มานานเช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา