1 ปีที่ผ่านมา: ก้าวไกลถาม พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ประเทศไทยมีอะไรดีขึ้นบ้างไหม?

Policy Fest ครั้งที่ 1 “ก้าวไกล BigBang” นโยบายสาธารณะครั้งแรกของพรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธาเริ่มด้วยการตอบคำถามว่า.. ทำไมเราถึงต้องจัดงาน Policy Fest เพราะเราอยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องสนุก การที่เรามีนโยบายและ Festival อยู่ในคำเดียวกัน เพราะ Policy Fest มันทำให้การเมืองเป็นเรื่องสนุก และทำไมถึงต้องบอกว่ามี 6 Big Bang เป็นธีมของ Policy Fest ครั้งที่ 1 ของพรรคก้าวไกล เพราะว่าเราอยากเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่มีวาระเป็นของตัวเอง

พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นี่คงเป็นคอการเมือง พี่น้องคงจำได้ตอนที่ผมอธิบายมาตรา 152 ในสภา ต่อหน้า ครม. ต่อหน้ารัฐบาล ว่าผมฟังพวกเขาชี้แจงมา 2-3 วันยังฟังไม่ออกเลยว่าวาระของเขาคืออะไรในการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพี่น้องประชาชน 

วันนี้ จึงเป็นวันที่พิสูจน์ว่าพรรคก้าวไกลไม่เหมือนพรรคอื่นและเรามีโปรเจกต์ทางการเมือง เรามีวาระทางการเมือง 6 อย่างด้วยกัน 6 อย่างนี้ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นระเบิดเวลาของประเทศ แต่ถ้าพวกเราตั้งใจทำงาน ตั้งใจสร้างนโยบาย ทำการเมืองให้เป็นบูธต่างๆ ผมก็เชื่อว่า เราจะสามารถเปลี่ยนระเบิดเวลา 6 ลูกนี้ให้กลายเป็นศักยภาพของประเทศไทยไปในทางเดียวกัน 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

วันนี้ที่เรามารวมตัวกันอยู่เดือนพฤษภาคมของประเทศไทย คงจะมีความรู้สึกที่ปนเปกันไป บางปี บางช่วงของประวัติศาสตร์ของประเทศไทย พฤษภาคมก็เป็นพฤษภาคมแห่งความกลัว บางปีก็เป็นพฤษภาคมแห่งความหวัง สำหรับพฤษภาคมแห่งความกลัว ไม่ว่าจะเป็นพฤษภาทมิฬ 2535 พฤษภาเลือด 2553 พฤษภาอัปยศ 2557 

พฤษภาทมิฬ ย้อนหลังจากนี้หลายปี มีผู้เสียชีวิตหลักสิบ หลักร้อย มีผู้สูญหายที่หาถึงตอนนี้ก็ไม่มี มีผู้บาดเจ็บเป็นพัน 

19 พฤษภาคม ปี 2553 วันนี้พอดี มีทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ มีนักข่าว คนเยอรมัน คนอิตาลี พยาบาล ที่ถูกปราบล้อม ถูกกระชับพื้นที่ ตอนนี้หัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน อยู่ที่วัดปทุม ณ เวลานี้ เพื่อเข้าร่วมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ที่ราชประสงค์ 

ยังไม่ลืม 22 พฤษภาคม 2557 คือพฤษภาอัปยศ พฤษภาแห่งความกลัวที่พลเอกประยุทธ์และ คสช. เข้ายึดอำนาจประเทศไทย

ช่วงพฤษภา เดือนหน้าร้อน เดือนที่มีแต่ความน่ากลัวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ผ่านมา แต่ยังไงก็ตาม พฤษภาก็ไม่ได้มีแต่พฤษภาแห่งความกลัว พฤษภาแห่งความหวังก็มีกับเขาเหมือนกัน ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา 14 พฤษภาคม 2566 วันที่ 14 ล้านหัวใจทั่วประเทศไทยรวมกันเป็นหัวใจหนึ่งเดียวที่เราอยากจะเห็นการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่พี่น้องประชาชนทั่วไทยและทั่วโลกออกมาใช้สิทธิใช้เสียง เข้าคูหาด้วยความหวัง 

ไม่ว่าท่านชอบพรรคก้าวไกลหรือไม่ได้ชอบพรรคก้าวไกล ไม่ว่าท่านจะเลือกพรรคก้าวไกลหรือไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกล ทุกคนต้องยอมรับว่าทศวรรษที่สูญหายตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมาจนถึงการเลือกตั้ง นี่คือการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่มีประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมมากที่สุด ไม่ใช่เป็นเพราะผมชนะเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง แต่มันคือพฤษภาแห่งความหวังที่พี่น้องประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง 

ไม่ว่าคุณจะรวยดีมีจน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นใหญ่ ไม่ว่าคุณจะมีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมหรือแนวคิดแบบก้าวหน้า ทุกคนเข้าคูหา และไม่ว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของพรรคก้าวไกลก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคก้าวไกลชนะอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และไม่มีการซื้อเสียงเลยแม้แต่บาทเดียว

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

พวกเราทุกคนที่อยู่นี่กับประชาชน 30 กว่าล้านคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่เลือกพรรคก้าวไกล เราบอกว่าประชาธิปไตยคือความหวัง คือการเข้าคูหาเลือกตั้งและสามารถสร้างรัฐบาลขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ อันนั้นคือ 14 พฤษภาคม ต่อจากวันนี้ประมาณวันที่ 19 น่าจะเป็นช่วงที่เราประกาศแล้วว่าเราจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ 312 เสียง จาก 500 เสียง ถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีศักยภาพในช่วงเวลานั้น แต่นั่นก็คือเรื่องในอดีต 

มันคือการยกตัวอย่างที่เดือนพฤษภาคมผสมปนเปตลอดเวลา จะร้อนก็ไม่ร้อน ฝนก็ไม่ฝน ไอ้ที่เราเคยคิด ความตั้งใจตอนปีใหม่ ผ่านมาเดือนที่ 5 ก็ยังทำอะไรไม่ได้สักทีหนึ่ง เป็นพฤษภาคมของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยความหวานขม มีทั้งความขมขื่น ความโหดร้าย มีทั้งความกลัว แต่ก็มีเดือนพฤษภาคมที่เป็นความหวังของคนไทยทุกคนเช่นเดียวกัน 

จนมาถึงวันนี้ 19 พฤษภาคม 2567 กลับกลายเป็นพฤษภาแห่งความกลัว เป็นพฤษภาแห่งความเศร้าโศกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 คุณเนติพรหรือคุณบุ้ง นักต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพื่อนิติรัฐ นิติธรรม อดอาหารประท้วงเพื่อสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการเข้าถึงทนาย การสันนิษฐานว่ามีความบริสุทธิ์ไว้ก่อนไม่ว่าจะโดนคดีแบบไหน ไม่ว่าจะเห็นต่างทางการเมืองอย่างไร และพยายามอยากจะบอกว่า ไม่ใช่เฉพาะตัวของเขาเอง แต่เพราะทุกคนในประเทศไทยไม่ควรที่จะต้องมีคนติดคุกเพราะความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับอำนาจรัฐต้องการให้เกิดขึ้น 

ตอนที่เราบอกว่า เข้าคูหากาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต อันนี้คือสโลแกนที่ทำให้เราชนะการเลือกตั้ง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล
เรามาดูว่าจาก 1 ปีที่ผ่านมาจากพฤษภาแห่งความกลัวกลายเป็นพฤษภาแห่งความหวัง กลายเป็นพฤษภาแห่งความกลัวอีกครั้งได้อย่างไร?

ผมอยากจะถามพี่น้องประชาชนว่า พฤษภา 66 ถึง พฤษภา 67 การเมืองดีขึ้นไหม

1 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้มีรัฐบาลทหารแล้วนะ เรามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วนะ สถิติมันเป็นอย่างนี้ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมองเข้ามาที่พรรคก้าวไกล ผมไม่อยากให้ปาฐกถานี้เป็นวิชาการมาก แต่อยากจะบอกว่าพี่น้องประชาชนที่ตอบว่ามันไม่ดีขึ้น ไม่ได้คิดไปเอง

ดัชนีวัดความสามารถและผลสำเร็จของรัฐบาล ประสิทธิภาพของรัฐบาลปีก่อนกับปีนี้เป็นอย่างไร ของไทยตกลง 4 อันดับ (52.46) จากอันดับ 50 ปี 2566 สู่อันดับ 54 ปี 2567 

ขณะที่ดัชนีการคอร์รัปชัน เราอยู่อันดับ 101 (ปี 2565) ก่อนจะมีรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ ตอนนี้อยู่อันดับ 108 (ปี 2566) ตกลงมา 7 อันดับ

ส่วนดัชนีความเป็นประชาธิปไตย ตกจากอันดับ 55 สู่อันดับ 63 ตกลง 8 อันดับ เขาบอกว่า ใน 1 ปีที่ผ่านมา มี 15 ประเทศที่อันดับความเป็นประชาธิปไตยตกลง เราตกลงมา 8 อันดับ รองจากบังคลาเทศและปากีสถาน จากการที่มีการเลือกตั้งและถูกบล็อกด้วย ส.ว. ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ นี่คือตัวเลขที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งประสิทธิภาพรัฐบาล การคอรัปชัน และระดับความเป็นประชาธิไตย นี่คือภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

พฤษภา 66 – พฤษภา 67 ในระยะเวลา 1 ปี ปากท้องของท่านดีขึ้นหรือไม่?ตัวเลขก็บอกเราเหมือนกัน คนหาเช้ากินค่ำลำบากอยู่แล้ว ไม่ว่าปีไหนก็แล้วแต่ รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือเขา

ผมขอสื่อสารไปกับคนที่มีเงิน คนชนชั้นกลาง ตลาดหุ้น ตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว เมษา 66 ถึง เมษา 67 ตลาดหุ้น มูลค่าหายไปกว่า 2 ล้านล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ต่างชาติขายออกมากที่สุดกว่า 7 หมื่นล้านบาท

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมตกลง 5.13% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกลง -2.99% นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจไทยระดับกลางและระดับบน ไม่ต้องพูดถึงคนทำงานหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ขาย ลำบากมาตลอด นี่พูดถึงเศรษฐี ปากท้องเขาไม่ได้ดีขึ้นเลย

คำถามต่อมา พฤษภาคม 2566 – 2567 มีอนาคตขึ้นไหม?

ประชาชนยังมีความหวังไหม ว่าไทยจะมีอนาคตอยู่บนเวทีโลก

ประเทศไทยจะมีอนาคตต่อไปได้อยู่ที่การศึกษา มันอยู่อย่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ พยายามให้ไทยอยู่บนเวทีโลก 

ระดับภาษาอังกฤษตกจาก 97 สู่ 101 แพ้กัมพูชา ลาว เมียนมา รั้งท้ายอาเซียนแน่นอน แล้วอย่างนี้ไทยจะมีอนาคตบนเวทีโลกได้อย่างไร หรือจะบอกว่า เราจะชวนคนมาท่องเที่ยวเยอะๆ การท่องเที่ยวคืออนาคตของประเทศไทย เราจะเอาคนที่เก่งเรื่องดิจิทัล เป็น Digital Nomad มาให้อยู่เต็มเชียงใหม่ ภูเก็ต เราจะดึงการลงทุนมากมาย เอาคนเก่งๆ เอาวิศวกรรม คนออกแบบดีไซน์จากสแกนดิเนเวียมาอยู่เต็มประเทศไทย ให้ไทยเป็นศูนย์กลางเป็นสวิตเซอร์แลนด์ 

ผมเพิ่งไปมา PM2.5 ของเขาอยู่ประมาณ 10 กว่า คนเชียงใหม่ PM2.5 พุ่งไป 300-400 กว่า คนที่เขามีความสามารถจริงๆ ใครก็อยากจะมาครับ เพราะ 6 เดือนมันออกจากบ้านไม่ได้ นี่คือพื้นฐาน แค่สิทธิในการมีลมหายใจยังไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ พวกนี้มันเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับประเทศที่ต้องการมีอนาคตในการดึงดูดการลงทุน ดึงดูดคนเก่งๆ ดึงดูดคนมาท่องเที่ยว 

จากมกราคม 66-67 จำนวนผู้ป่วยเฝ้าระวังจากมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นเป็น 18.2% จาก 5.4% อย่าดูตัวเลขด้านเดียว ตัวเลขผู้ป่วยสุขภาพที่เป็นประชาชนของคุณเองมันเพิ่มขึ้น 

นี่คือสาเหตุที่พรรคก้าวไกลจัด Policy Fest 6 Big Bang เพื่อให้พฤษภาในปีนี้ พฤษภาที่แสนจะหดหู่ที่เราเพิ่งสูญเสียเยาวชนคนหนุ่มสาวไป 1 คน ให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง

สมการของความหวังคืออะไร?

ขอยกคำที่ ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ เคยพูดไว้ว่า การที่จะเป็นประเทศที่เข้มแข็ง ขีดความสามารถเต็มไปหมด ต้องมี ครม. มีผู้นำที่เข้มแข็ง มีประชาชนที่แข็งแรง รัฐบาลลงทุนกับการศึกษาจนประชาชนมีความพร้อม มีความเชื่อมั่นของรัฐบาลกับประชาชน ถ้าประเทศไหน สังคมไหนมีองค์ประกอบครบ ประเทศนั้นจะมีความหวังเสมอไม่ว่าจะเจอความท้าทายแค่ไหน 

พรรคก้าวไกลยังไม่เป็นพรรคที่สมบูรณ์แบบ มีเรื่องที่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะซื่อสัตย์กับประชาชน ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์กับตนเอง สั่งสมประสบการณ์ 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

สิ่งสำคัญที่เป็นวาระของรัฐบาล แบ่งได้ดังนี้

วาระเฉพาะหน้า

  • ศก เติบโตอย่างมีคุณภาพ
  • เรียนรู้ทางโลก
  • ยกระดับคุณภาพชีวิต

วาระเฉพาะกลาง (ต้องการความกล้าหาญในการแก้ไขทางการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาแบบนี้)

  • การปลดล็อกชนบทไทย
  • การปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่
  • ประชาธิปไตยเต็มใบ

เราคิด เราเห็นระบบราชการ แต่ละกระทรวงทำงานในกล่อง ในไซโลของเขาเอง จึงคิดโดยเอาวาระเป็นตัวตั้ง  แนวคิดแบบพรรคก้าวไกล ไม่ใช่กระทรวงต่างคนต่างทำ แต่มันเป็นการร่วมมือกันหลายๆ กระทรวง 

ต้องเอาปัญหาของประเทศเป็นที่ตั้ง และเรียงลำดับแบบนี้ เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนและมีความหวังได้ คือ 1. เศรษฐกิจ 2. การศึกษา 3. คุณภาพชีวิต 4. ปลดล็อกชนบทไทย 5. ปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่ 6. ประชาธิปไตย

ทำไมต้องทำเป็น Policy Fest เพราะเราต้องการทำให้มันสนุก ทำให้การเมืองเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับพรรคเรา เขาก็ทำจิตวิญญาณของเราไม่ได้ ต่อให้เขาทุบทำลายพรรคการเมืองของเราไป หรือจะไม่ทุบก็แล้วแต่ พวกเราทุกคนจะหยิบอิฐกันคนละก้อนและก็มาสร้างบ้านหลังใหม่ของเราไปด้วยกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา