รถไร้กระจกหลัง? ผู้ผลิต Polestar 4 เผยเหตุผลที่ไม่ต้องมีกระจกหลังเพราะช่วยเรื่องความปลอดภัย

Polestar 4 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นล่าสุดของ Polestar เพิ่งเปิดตัวในงาน Auto Shanghai เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2023 ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวแบบ SUV Coupé ยังมีจุดน่าสนใจคือ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไม่มีกระจกหลัง โดย CEO ของแบรนด์บอกว่าการไม่มีกระจกหลังช่วยเรื่องความปลอดภัยที่ดีขึ้น

Polestar

Polestar 4 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนไร้กระจกหลัง

Thomas Ingenlath ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Polestar แจ้งว่า เหตุผลที่ Polestar 4 ถูกออกแบบมาให้ไม่มีกระจกหลัง เพราะช่วยเหลือเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยกระดับการขับขี่ SUV Coupé, ความโปร่งของห้องโดยสาร และช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่

“เมื่อไม่มีกระจกหลัง ผู้ขับขี่ก็หมดปัญหาถูกไฟส่องสว่างจากรถยนต์คันหลังมาแยงตา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ทั้งการออกแบบโดยไม่มีกระจกหลังยังช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ รวมถึงช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งขึ้นผ่านการมีหลังคาแก้วที่ทอดยาวตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงผู้โดยสารตอนท้าย”

แม้จะไม่มีกระจกหลัง แต่ผู้ขับ Polestar 4 สามารถมองด้านหลังของตัวรถได้ผ่านกระจกมองหลังที่ถูกออกแบบมาเป็นหน้าจอ โดยจะทำงานคู่กับกล้องเลนส์มุมกว้างความคมชัดสูงที่ติดตั้งอยู่บริเวณหลังคา ทำให้ผู้ขับเห็นภาพด้านหลังได้กว้างกว่าการใช้กระจกมองหลังปกติ

Polestar

แต่เพื่ออำนวยความสะดวกในการมองผู้โดยสารตอนหลัง ผู้ขับสามารถกดปุ่มปิดหน้าจอเพื่อทำให้กระจกมองหลังทำหน้าที่เป็นกระจกไว้มองผู้โดยสารตอนหลังได้ โดยการออกแบบของ Polestar 4 ที่ไม่มีกระจกหลังอ้างอิงจากรถยนต์ต้นแบบ Polestar Precept ที่เผยโฉมมาตั้งแต่ปี 2020

Polestar 4 ถูกวางตำแหน่งในเรื่องขนาด และราคาให้อยู่ระหว่าง Polestar 2 และ Polestar 3 มีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว และมอเตอร์คู่ วิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้เร็วสุดใน 3.8 วินาที พละกำลังสูงสุด 544 แรงม้า เร็วที่สุดตั้งแต่ Polestar ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และวิ่งได้ไกลสุด 600 กม. หลังชาร์จเต็ม อ้างอิงมาตรฐาน WLTP

Polestar 4 คาดว่าจะผลิตในประเทศจีนตั้งแต่เดือน พ.ย. 2023 มีราคาเริ่มต้น 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มทำตลาดในปี 2024 และภูมิภาคอื่นจะตามมาในภายหลัง โดยปัจจุบัน Polestar คือแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในเครือ Geely จากจีนที่ถือแบรนด์ Volvo, Lotus, Proton และ Polestar

อ้างอิง // Polestar, Motor 1

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา