PepsiCo ร่วมหยุดการโฆษณาบน Facebook โดยไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ หลังจากที่หลายๆ บริษัทเข้าร่วมแคมเปญ #StopHateForProfit เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2020/06/shutterstock_394087504.jpg)
อย่างไรก็ตาม พนักงานในบริษัท PepsiCo ออกมาเปิดเผยว่า การหยุดโฆษณาบน Facebook จะเริ่มต้นขึ้นใน เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้ ซึ่งทางบริษัทก็ระบุว่า ก่อนหน้านี้ใช้งบประมาณไปกับการโฆษณาในโซเชียลมีเดียมากถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
We’re committed to doing our part to help dismantle the systemic racial barriers that block social + economic progress for Black people in this country. Today we’re announcing a $400M+ initiative focused on 3 pillars: people, business, and communities: https://t.co/5gn9uFXiYw pic.twitter.com/unQOK49fxH
— PepsiCo (@PepsiCo) June 16, 2020
ในความเป็นจริง ช่วงโควิดหลายๆ บริษัทก็ตั้งใจที่จะลดงบประมาณการโฆษณาอยู่แล้ว แต่เมื่อเจอประเด็น hate speech เกี่ยวกับความเท่าเทียมทางสีผิวจากเหตุการณ์ของ George Floyd เข้าไป หลายๆ องค์กรก็ตัดสินใจเลิกโฆษณาบน Facebook ไปตามๆ กัน เพราะไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
- Starbucks ประกาศ! เตรียมหยุดโฆษณาบนโซเชียลมีเดียร่วมต้าน Hate Speech
- North Face แบรนด์ใหญ่เจ้าแรกหยุดโฆษณาใน Facebook ประท้วงจัดการ Hate Speech ล้มเหลว
- วิกฤตศรัทธา: หลากธุรกิจเดินหน้าแบน Facebook ผู้บริหารรับกระทบหนัก “สื่อขาดความไว้วางใจ”
- Facebook โดนแบนโฆษณาต่อเนื่อง เพราะไม่จัดการ hate speech ในแพลตฟอร์มจริงจัง
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2019/11/GettyImages-669889770.jpg)
จากบทเรียนครั้งนี้ Facebook จะจัดการกับ hate speech อย่างไร
จากประเด็นที่ Facebook ไม่ยอมลบ hate speech “When the looting starts, the shooting starts.” ของ Donald Trump ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ George Floyd ซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้ออกมาเขียนอธิบายในบล็อกของเขาว่า “ประชาชนควรมีสิทธิรู้ว่านักการเมืองออกมาพูดในประเด็นต่างๆ อย่างไรบ้าง” ดังนั้น หลังจากนี้เขาจะเริ่มติดป้าย “newsworthy” กับข่าวแนวนี้ด้วย
Mark Zuckerberg อธิบายถึงประโยชน์ของป้าย “newsworthy” ว่า ผู้คนจะสามารถแชร์ และแสดงความคิดเห็นในคอนเทนต์เหล่านี้ได้ แต่ Facebook จะแสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์เหล่านี้อาจมีแนวโน้มที่จะขัดกับนโยบายของบริษัท ทั้งนี้ หากพบว่าเนื้อหาใดมีความรุนแรง Facebook ก็จะนำเนื้อหาเหล่านั้นออกไปด้วย
ที่มา : Fox Business
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา