เปิดบ้าน Digital Ventures ยินดีต้อนรับ Startup พร้อมเปิดมุมมอง Blockchain หลังลงทุนใน Ripple

scb-digital-ventures_interior_0036

ก่อนหน้านี้ Digital Ventures (ดิจิทัล เวนเจอร์ส) หรือ DV ได้ประกาศลงทุนใน Ripple ซึ่งเป็น FinTech Startup ที่เชี่ยวชาญด้าน Blockchain คลิกอ่านได้ที่นี่

ถ้ากันตามจริง Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มมีการใช้งานกันมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและเริ่มแพร่หลายมากขึ้น แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง และด้วยการเป็นเทคโนโลยีทางการเงิน (ทั้งเทคโนโลยีและการเงิน) ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ยาก ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนทั่วโลกรวมถึงคนไทยไปโดยปริยาย

แต่ DV และ SCB ต้องสนใจ และลงทุนในทันทีที่มีโอกาส เพราะเชื่อกันว่า Blockchain คือ The Next Internet ถ้าไม่สนใจ ก็อาจจะโดน Disrupt ได้ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ต้องลงไปทำความรู้จักกันให้ดี

ครั้งนี้ DV เลยชวน Brand Inside มาเปิดบ้าน ออฟฟิศแห่งใหม่ใกล้กับแยกช่องนนทรี พร้อมกับอธิบายเรื่องของ Blockchain ไปในตัว

14689150_10153770111891020_637894672_o

ก่อนอื่นขอเปิดบ้านหลังใหม่ของ DV ในสไตล์ Co-Working Space

เดิม DV มีออฟฟิศอยู่ที่อาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์ แยกรัชโยธิน แต่ ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริหาร ของ DV มีแนวคิดว่า DV ต้องหลุดออกจากธรรมชาติและวิสัยของธนาคาร ดังนั้น ต้องแยกตัวออกมาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กร และรูปแบบการทำงานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง จึงเปิดเป็นออฟฟิศแห่งใหม่ใกล้แยกช่องนนทรี เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า

ขณะที่บรรยากาศในการทำงาน จะใช้สไตล์เดียวกับ Co-Working Space คือ นั่งทำงานแบบฟรีสไตล์ ใครอยากนั่งตรงไหนก็นั่งได้ ใช้ระบบไวร์เลส และคลาวด์ ในการจัดเก็บข้อมูล บรรยากาศโปร่งสบาย เปิดโล่งเอื้อต่อการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ตามแนวทางของออฟฟิศสมัยใหม่

scb-digital-ventures_interior_0275

scb-digital-ventures_interior_0140

นอกจากนี้พื้นที่ทำงาน ยังมีห้องประชุมแล็บทดลอง และพื้นที่สำหรับจัดบรรยาย หรือจัดโชว์เคส นำเสนอเทคโนโลยีสมัยใหม่ สำหรับรองรับการนำเสนอบริการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ DV กำลังศึกษา ซึ่งรวมถึง Blockchain ในครั้งนี้ด้วย

และแน่นอนว่าสำหรับ Startup ที่อยากจะเข้ามาพบปะพูดคุยกับ DV สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา

scb-digital-ventures_interior_0298

Blockchain เทคโนโลยีแห่งวงการ FinTech ในอนาคต

ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า DV ได้ลงทุนในบริษัท Ripple ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain ไปแล้ว ดังนั้น ธนา ซึ่งเคยบอกเสมอว่า เทคโนโลยีนี้คือเรื่องใหม่และยากต่อการทำความเข้าใจ ดังนั้นหัวใจสำคัญ นอกจากการลงทุน ต้องมีการศึกษา เพื่อทดลองระบบการโอนเงินข้ามประเทศผ่าน Blockchain ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยีนี้มาเชื่อมโยงกับโครงข่ายการทำ Cross Border Payment หรือระบบการโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์ให้เกิดขึ้นจริง

สุวิชชา สุดใจ  Managing Director, Digital Products พร้อมทีมงาน Blockchain ของ DV บอกว่า Blockchain คือระบบฐานข้อมูลออนไลน์ ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย โปร่งใสตรวจสอบได้ โดยอนุญาตให้สมาชิกในระบบสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้น และเมื่อมีการบันทึกข้อมูลเกิดขึ้น จะไม่สามารถลบข้อมูลนั้นได้

Blockchain มี 2 ประเภท คือ Private Blockchain เปรียบเสมือน Intranet ที่จำกัดสิทธิ์เฉพาะคนหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต และ Public Blockchain เปรียบเสมือน Internet ที่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลในระบบได้อย่างเท่าเทียม

14699443_10153770112311020_530632930_o

เพื่อความเข้าใจ จัดตัวอย่าง Blockchain ไป (ให้งงเพิ่มขึ้น?)

ธนา บอกว่า หลายครั้งที่อธิบายเรื่อง Blockchain แล้วยิ่งงงมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าใจพื้นฐานของ Blockchain แบบง่ายๆ ในทางการเงิน เช่น เดิม เมื่อมีการโอนเงินเกิดขึ้นระหว่าง A กับ B จะทำผ่านธนาคาร เป็นตัวกลาง ที่ได้รับความน่าเชื่อถือเป็นผู้บันทึก แต่เมื่อมีการใช้ Blockchain ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ธนาคารทำหน้าที่บันทึก แต่จะใช้คนอื่นๆ ช่วยกันตรวจสอบ เช่น A โอนเงินให้ B แต่จะมี C และ D ช่วยกันตรวจสอบและยืนยันว่า ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นจริง

ถ้า B จะโกงโดยบอกว่า A ยังไม่ได้โอนเงินให้ ก็ทำไม่ได้ เพราะ C และ D ตรวจสอบและยืนยันการโอนนั้นแล้ว

นี่คือ พื้นฐานของ Blockchain ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการเงิน เช่น

everledger

Everledger ระบบ Blockchain สำหรับใบรับรองเพชร – เป็นรูปแบบ Blockchain สำหรับทรัพย์สินที่มีราคาสูง เช่น เพชร ที่ปกติจะมีการออกใบรับรอง ซึ่งหากมีการจัดเก็บข้อมูลผ่าน Blockchain ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ใครเป็นคนออกใบรับรอง ซึ่งมีประโยชน์ในด้านประกันภัย ซึ่งต่อปีมีการเคลมประกันกว่า 200 ล้านปอนด์

wave

Wave ระบบ Blockchain สำหรับการค้าและขนส่ง – จากปกติการค้าขายและขนส่งระหว่างประเทศต้องใช้เอกสารตรวจสอบสินค้าจำนวนมากมาย และต้องผ่านการตรวจซ้ำๆ เดิมในทุกขั้นตอน ยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลามาก แต่ Wave ทำให้ทุกอย่างอยู่บน Blockchain ซึ่งคุณสมบัติคือ ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ ดังนั้นข้อมูลในเอกสารทั้งหมดจึงเหมือนกัน และทุกหน่วยงานสามารถเข้าดูเอกสารเดียวกันได้ทั้งหมด

provenance

Provenance.org ระบบ Blockchain ด้านห่วงโซ่อาหาร – เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลเกษตรกร เพื่อให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตผลการเกษตรที่สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผู้ซื้อและผู้บริโภค สามารถมั่นใจได้ว่า ข้อมูลทั้งหมดไม่สามารถแก้ไขได้ และเป็นความจริง

Blockchain เทคโนโลยีที่จะปฏิวัติเศรษฐกิจของโลก

สุวิชชา บอกว่า หากจะสรุปความเข้าใจเกี่ยวกับ Blockchain ง่าย คือคำว่า A-TO-MIC

A – Asset คือสามารถใช้ในการตรวจสอบและรับรองสินทรัพย์ได้

T – Trust เป็นระบบที่เชื่อถือได้ ทุกคนมีส่วนช่วยในการตรวจสอบและยืนยัน

O – Ownership บ่งบอกความเป็นเจ้าของข้อมูล

M – Money มองเห็นธุรกรรม หรือการเงินที่เกิดการเคลื่อนย้าย (ป้องกันการฟอกเงิน)

I – Identity ต้องสามารถระบุตัวตนของสมาชิกได้

C – Contracts เป็นสัญญาผูกพันชัดเจน แก้ไขไม่ได้

14614467_10153770111771020_427541369_o

นอกจากนี้ ธนา ได้กล่าวสรุปแบบสั้นๆ ง่ายๆ ทุกเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น จะสามารถนำมาใช้ได้ และมีประโยชน์ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ Better, Faster และ Cheaper หลายคนเชื่อว่า Blockchain สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 3 ข้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ DV จะรอดูจากวันนี้ไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา