แค่ COVID-19 และชิปขาดตลาดไม่พอ! โลหะ Rhodium-Palladium ปรับราคาขึ้น ทำตลาดรถยนต์โตลำบาก

ปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์เจอการระบาดของโรค COVID-19 และปัญหาชิปขาดตลาดคอยฉุดรั้งไม่ให้ตลาดเติบโต ล่าสุด Nissan ออกมาชี้ว่าโลหะมูลค่าสูง Rhodium และ Palladium มีราคาสูงขึ้นจนเป็นปัจจัยลบตัวใหม่

nissan

Nissan ชี้โลหะมีค่าราคาสูงคือปัญหาใหม่

รายงานข่าวแจ้งว่า มูลค่าของโลหะมีมูลค่าสูงเช่น Rhodium (ราคาแพงกว่าราวทอง 5 เท่า) เพิ่มขึ้นถึง 38 เท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้านี้ ส่วน Palladium เพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการปรับตัวขึ้นของทั้งสองโลหะมีมูลค่าสูงนี้ส่งผลกับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยตรง เนื่องจากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการใช้ฟอกไอเสียรถยนต์

Ashwani Gupta ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ Nissan ออกมายอมรับว่า วิกฤตราคาโลหะมีมูลค่าสูงปรับตัวสูงขึ้นกลายเป็นปัญหาใหม่ของบริษัท และอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะหลายประเทศเข้มงวดกับการควบคุมมลพิษมากขึ้น ทำให้ทุกค่ายผู้ผลิตมีความจำเป็นต้องใช้โลหะเหล่านี้มากกว่าเดิม

“ในปัจจัยลบก็มีปัจจัยบวกอยู่บ้าง เช่นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้โลหะมูลค่าสูงเหล่านี้ เพราะไม่มีการปล่อยมลพิษ ก็ทำตลาด และจูงใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Nissan พยายามทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และภายในช่วงปี 2030 รถยนต์ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น, จีน และสหรัฐอเมริกาจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

ทั้งนี้ Nissan อยู่ในช่วงวิกฤตทางธุรกิจอีกครั้ง เพราะขาดทุนต่อเนื่องมา 3 ไตรมาสล่าสุด และต้องการให้ไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2020 กลับมามีกำไรอีกครั้ง ในทางกลับกันมีนักวิเคราะห์มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ก็ต้องใช้โลหะ Copper และ Lithium ซึ่งทั้งคู่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น จึงไม่ง่ายที่จะกดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงมาจูงใจได้

สรุป

เรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกก็ไม่ผิด เพราะวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ และถึงจะจูงใจได้ ผู้ผลิตรถยนต์ก็ส่งมอบรถยนต์ไม่ทันผ่านการขาดแคลนของชิป ยิ่งราคาโลหะมูลค่าสูงปรับตัวสูงขึ้นอีก การจำหน่ายรถยนต์ในปี 2021 อาจจะประสบปัญหาอีกปี

อ้างอิง // Financial Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา