ถึงจะดีลสัญญา 8 ปี 1,000 ล้านเหรียญกับ NBA แต่สุดท้าย Nike ก็โฆษณาแบรนด์ได้ไม่เต็มที่

การแสดงสัญลักษณ์ติ๊กถูกของแบรนด์ Nike บนเครื่องแต่งกายของทุกทีมในลีกบาสเก็ตบอล NBA ต้องใช้งบประมาณถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อนักกีฬาไม่พยายามจะโชว์มันออกมา ทุกอย่างก็แทบจะไร้ค่า

ขัดกับสปอนเซอร์หลักของนักกีฬา

ฤดูกาลก่อน Adidas คู่แข่งของ Nike ได้สิทธิ์สนับสนุนเครื่องแต่งกายให้ลีกบาสเก็ตบอล NBA เป็นฤดูกาลสุดท้าย ซึ่งขณะนั้น Nike กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ เพราะความนิยมเริ่มตก ทำให้ทางแบรนด์ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,000 ล้านบาท) เพื่อได้สัญญาเข้ามาสนับสนุนเครื่องแต่งกายให้กับลีก NBA เป็นเวลา 8 ปี

โดยหวังการเข้ามาแทนที่คู่แข่งจะทำให้แบรนด์กลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเสื้อกีฬา, เสื้อกางเกงรัดกล้ามเนื้อ, กางเกงกีฬา และถุงเท้า จะมีสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกของ Nike แสดงไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด เท่ากับว่าช่วยโฆษณาแบรนด์ไปทั้งคนดูทั่วโลก ที่สำคัญการแปะโลโก้แบรนด์นั้น Adidas กลับทำไม่ได้ในฤดูกาลก่อน

แต่สุดท้ายแล้วความหวังข้างต้นกลับเดินได้อย่างไม่ราบรื่น หลังนักกีฬาบางคนที่ได้รับการสนับสนุนส่วนตัวโดย Adidas และ Under Armour พยายามไม่แสดงโลโก้ของแบรนด์ Nike ที่ติดอยู่บริเวณถุงเท้า เนื่องจากบริเวณนั้นใกล้กับแบรนด์รองเท้าที่สนับสนุนนักกีฬาคนนั้นอยู่ ซึ่งทางแบรนด์เองก็คงไม่อยากมีโลโก้ของคู่แข่งติดอยู่ใกล้ๆ

เมื่อกฎไม่ชัดเจนจึงยังทำได้อยู่

สำหรับนักกีฬาที่แสดงพฤติกรรมนี้ชัดเจนที่สุดก็คือ Stephen Curry ที่เป็นหน้าตาของแบรนด์ Under Armour โดยเขาเลือกจะพับถุงเท้าให้ลงมาปิดสัญลักษณ์ของ Nike รวมถึง James Harden ที่เป็นหน้าตาของแบรนด์ Adidas ก็ตัดข้อถุงเท้าด้านบนออก เพื่อไม่ให้แสดงสัญลักษณ์ของ Nike เช่นกัน

ในฤดูกาลก่อน Stephen Curry กลับโชว์ให้เห็นโลโก้ Stance ที่ติดอยู่บริเวณถุงเท้าอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนความการกระทำดังกล่าวนั้นผิดกฎที่ NBA กำหนดให้นักกีฬาต้องแต่งตัวเรียบร้อยหรือไม่ ที่สำคัญเรื่องมันคงไม่แดงมาขนาดนี้ ถ้าในฤดูกาลก่อนที่ Adidas สนับสนุนเครื่องแต่งกาย ยกเว้นถูกเท้าที่สนับสนุนโดยแบรนด์ Stance นักกีฬาทั้งสองคนกลับไม่ปกปิดโลโก้ของแบรนด์ดังกล่าวแต่อย่างใด

และไม่ใช่ครั้งแรกของกีฬาอเมริกันชนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะในลีกเบสบอล MLB ก็ นักกีฬาที่มี Nike สนับสนุนก็จงใจใส่เสื้อรัดกล้ามเนื้อที่มีโลโก้ Nike แปะอยู่ตรงคอเสื้อ แล้วค่อยใส่เสื้อกีฬาที่สนับสนุนโดย Majestic ทับ แต่เสื้อกีฬานั้นไม่มีโลโก้ของ Majestic แต่อย่างใด จนผู้ชมหลายคนเข้าใจว่า เสื้อกีฬาก็สนับสนุนโดย Nike เหมือนกัน

สรุป

เมื่อเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ แบรนด์ต่างๆ ก็อยากใช้ประโยชน์นี้ช่วยสื่อสารข้อมูลแบรนด์ไปถึงผู้บริโภค แต่พอนักกีฬาไม่ให้ความร่วมมือ ก็คงไม่แปลกที่หลังจากนี้ Nike จะเข้ามากดดันให้ NBA บังคับนักกีฬาเหล่านี้ให้ความร่วมมือในการโปรโมทแบรนด์มากขึ้น เพราะมิฉะนั้นสัญญา 1,000 ล้านเหรียญก็คงเสียมูลค่าเปล่าๆ

อ้างอิง // Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา