Netflix เซ็นสัญญา 5,000 ล้านเหรียญ ถ่ายทอดสดศึกมวยปล้ำ Raw ของ WWE หวังโตด้วยคอนเทนต์กีฬา

Netflix เตรียมสร้างการเติบโตด้วยคอนเทนต์กีฬา ผ่านการเซ็นสัญญา 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.79 แสนล้านบาท เพื่อได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมวยปล้ำรายการ Raw ของ WWE ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2025 โดยสัญญาดังกล่าวจะกินระยะเวลา 10 ปี และแพร่ภาพได้ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ และลาตินอเมริกา

WWE Raw

Netflix ลุยคอนเทนต์กีฬาเต็มรูปแบบ

Netflix แจ้งอย่างเป็นทางการว่า บริษัทได้ลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำความร่วมมือกับ WWE โดยการลงทุนครั้งนี้จะประกอบด้วยการได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกมวยปล้ำรายการ Raw ทุกคืนวันจันทร์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2025 เป็นต้นไป แต่แพร่ภาพแค่ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ และลาตินอเมริกา

ทั้งนี้ยังได้สิทธิ์ในการแพร่ภาพรายการต่าง ๆ ของ WWE นอกพื้นที่สหรัฐอเมริกา เช่น ศึก SmackDown รวมถึงศึกใหญ่ปัจจุบันต้องจ่ายรายครั้งเพื่อรับชม หรือ Pay-Per-View เช่น WestleMania และ Royal Rumble ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ Raw ที่ยุติการเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์แบบดั้งเดิม นับตั้งแต่เริ่มศึกมาเมื่อปี 1993 หรือ 31 ปีมาแล้ว

Mark Shapiro ประธาน TKO เจ้าของมวยปล้ำ WWE และมวยกรง UFC มองว่า การเข้ามาของ Netflix เหมาะสมเป็นอย่างมาก ผ่านการทำให้การถ่ายทอดสดกีฬาถูกผนวกอยู่ในสื่อความบันเทิงหลักในปัจจุบัน ทั้งยังเพิ่มฐานผู้ชมใหม่ให้ WWE และ Netflix เช่นกัน รวมถึงช่วยเสริมรายได้ให้ฝั่งสมาชิกแบบมีโฆษณาของ Netflix

ทั้งนี้ Netflix มีสิทธิ์ต่อสัญญาดังกล่าวออกไปอีก 10 ปี หรือเลือกยุติสัญญาหลังจากผ่าน 5 ปีแรก และเมื่อปี 2023 ทาง Netflix ได้เริ่มเผยแพร่รายการถ่ายทอดสดมาแล้ว เช่น Selective Outrage รายการเดี่ยวไมโครโฟนของ Chris Rock เป็นต้น

ส่วนในมุมกีฬา Netflix ค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดี เช่น Drive to Survive สารคดีเกี่ยวกับการแข่งขัน F1 รวมถึง Full Swing สารคดีเกี่ยวกับการแข่งขันกอล์ฟ นอกจากนี้ในเดือน ต.ค. 2023 Netflix ยังจัดการแข่งขัน The Netflix Cup ที่ถ่ายทอดสดโดยนำนักกีฬาที่ปรากฏใน 2 สารคดีข้างต้นมาตีกอล์ฟแข่งกัน

ก่อนหน้านี้ศึก Raw ของ WWE ถ่ายทอดสดบน USA Network ที่มี Comcast เป็นเจ้าของ โดยมียอดผู้ชมแบบ Unique Viewer กว่า 17.5 ล้านรายตลอดปี 2023 และถือเป็นศึกมวยปล้ำยอดนิยมผ่านการถ่ายทอดสดทุกคืนวันจันทร์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) ตั้งแต่ปี 1993 และมีฉายมาแล้วกว่า 1,600 ตอน

อ้างอิง // Netflix, Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา