Netflix ปรับราคาขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ ชดเชยปีนี้ลงทุนสร้าง Content เองกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์

เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ Netflix ปรับราคาขึ้น 1-2 ดอลลาร์สหรัฐในบางแพ็คเกจ เฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการในสหรัฐอเมริกา เพราะไปลงทุนสร้าง Content จำนวนมาก แถม Content เหล่านั้นก็ฉายนอกสหรัฐฯ

ขึ้นราคากระทบผู้ชม แต่นักลงทุนกลับชอบ

สำหรับการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ Netflix เลือกปรับแพ็คเกจราคาระดับกลางจากที่รับชมได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันจาก 9.99 ดอลลาร์/เดือน เป็น 10.99/เดือน กับแพ็คเกจสูงสุดที่รับชมได้ 4 อุปกรณ์พร้อมกันในรูปแบบความคมชัดสูงจาก 11.99 ดอลลาร์/เดือน เป็น 13.99 ดอลลาร์/เดือน

ส่วนแพ็คเกจเริ่มต้นยังอยู่ที่ 7.99 ดอลลาร์/เดือน เช่นเดิม ซึ่งหลังจากการประกาศปรับราคาครั้งนี้ นักลงทุนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเรื่องถูกต้อง และเข้ามาซื้อหุ้นจนราคาดีดขึ้น 4.5% ทันที และไปแตะจุดสูงสุดที่ 192.80 ดอลลาร์/หุ้นได้ เพราะเชื่อว่าค่าบริการเมื่อเทียบกับเนื้อหาที่ได้ยังไม่ใช่ราคาที่เหมาะสมนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2554 ในยุคที่ Netflix ยังให้บริการเช่า DVD ควบคู่กับบริการ Streaming อยู่ ก็เคยขึ้นราคาผู้ใช้บริการบางรายสูงถึง 6 ดอลลาร์ และจากจุดนั้นเองก็ทำให้ผู้ใช้บริการกว่า 8 แสนรายในสหรัฐฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ถึงกับขอยกเลิกแทบจะทันที

ถึงขึ้น แต่ราคาก็ยังต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด

ในทางกลับกันแม้ราคาค่าบริการ Netflix จะสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ ก็ยังมีราคาถูกว่า เช่น HBO Now ที่หากจะรับชม Game of Thrones ได้ต้องจ่าย 14.99 ดอลลาร์/เดือน รวมถึง Hulu ที่หากต้องการรับชมแบบไม่มีโฆษณาขั้น ก็ต้องจ่าย 11.99 ดอลลาร์/เดือนเช่นกัน

ด้านเหตุผลหลักที่ยักษ์ใหญ่ Streaming รายนี้ต้องปรับราคาขึ้น ก็มาจากการลงทุนสร้าง Content ตัวเอง โดยเฉพาะ Series ดังๆ เช่น Stranger Things ทำให้ปีนี้ต้องลงทุนไปกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ และนั่นกระทบต่อภาพรวมกระแสเงินสดของบริษัท

อัตราค่าบริการของ Netflix ในประเทศไทย

สรุป

หากลงทุนไปเยอะ แล้วรายได้กลับมามันไม่มากพอ ก็คงไม่คุ้มค่าต่อการเสียเงินไปแน่ๆ ดังนั้นการจะลงทุนอะไรต้องคำนวนเรื่องค่าเฉลี่ยรายได้ตัวหัว หรือ ARPU ให้ดี เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างรายรับรายจ่าย ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเหมือน Netflix ที่อยู่ๆ ก็ประกาศขึ้นราคา และส่วนตัวเชื่อว่าอาจทะยอยปรับราคาในประเทศอื่นๆ ที่ให้บริการด้วย

อ้างอิง // Reuters, ภาพ Netflix

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา