มาดูว่า 15 แบรนด์ใหญ่ มีวิธีการปฏิวัติวงการค้าปลีกอย่างไรบ้าง

วงการค้าปลีกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ละองค์กรมีการปรับตัวไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าตัวอย่าง 15 บริษัทยักษ์ใหญ่มีการปรับตัวอย่างไรกันบ้าง

ภาพจาก Shutterstock

Business Insider ได้รวบรวม 15 บริษัทตั้งแต่ร้านค้าปลีก และออนไลน์ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นการศึกษากลยุท์การปรับตัวให้อยู่รอดในยุคนี้ แต่ละบริษัทมีการปฏิวัติวงการกันอย่างไรบ้าง

  1. Amazon กำลังสร้างร้านค้าแห่งอนาคต

สำนักงานใหญ่ : Seattle, Washington

ปีที่ก่อตั้ง : 1994

Amazon ได้เริ่มปฏิวัติวงการค้าปลีกด้วยการเปิดร้าน Amazon Go เป็นร้านค้าที่ไร้แคชเชียร์แห่งแรกในเมือง Seattle เมื่อเดือนมกราคม เป็นการเข้ามาสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ให้สมบูรณ์มากขึ้น เป็นระบบเซ็นเซอร์ที่ติดกับสินค้าซึ่งลูกค้าจะชำระเงินอัติโนมัติเมื่อเดินออกจากร้าน ตอนนี้มีทั้งหมด 4 แห่งในสหรัฐอเมริกา และมีแผนที่จะเปิดอีก 3,000 แห่งในไม่กี่ปีข้างหน้านี้

  1. Walmart กำลังบุกหนักเรื่องอีคอมเมิร์ซ

สำนักงานใหญ่ : Bentonville, Arkansas

ปีที่ก่อตั้ง : 1962

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Walmart เริ่มเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วยการเข้าซื้อกิจการแบรนด์อีคอมเมิร์ซที่เป็นที่นิยม เพื่อเป็นทางลัดในการเข้าถึงลูกค้า อย่าง Eloquii และ Art.com เป็นกลยุทธ์ที่เขามองว่าเป็นการทำให้ลูกค้ากลับมาที่แบรนด์ เพราะมีสินค้า และประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น

  1. Everlane เปลี่ยนขวดพลาสติกให้กลายเป็นเสื้อกันหนาว

สำนักงานใหญ่ : San Francisco, California

ปีที่ก่อตั้ง : 2010

สิ่งที่แบรนด์เสื้อผ้า Everlane ได้ทำการปฏิวัติวงการนั่นคือการผลิตเสื้อผ้าคุณภาพด้วยความสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ในเดือนตุลาคมได้เปิดตัวเสื้อแจ็คเก็ตที่ทำมาจากขวดพลาสติก เป็นไปตามแผนที่ต้องการกำจัดพลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ให้หมดจากระบบ Supply Chain ภายในปี 2021

  1. Casper เริ่มสร้างประสบการณ์ค้าปลีก

สำนักงานใหญ่ : New York, New York

ปีที่ก่อตั้ง : 2013

Casper เป็นแบรนด์เครื่องนอนที่ได้เริ่มเปิดสาขาแรกในนิวยอร์กเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และได้เปิดตัว Casper Dreamery เป็นสโตร์ที่ให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนได้ และยังสามารถมางีบหลับระหว่างวันได้ด้วย มีค่าใช้จ่าย 25 ดอลลาร์สหรัฐ งีบได้ 45 นาที

  1. Aerie แบรนด์แฟชั่นเสริมพลังหญิง

สำนักงานใหญ่ : Pittsburgh, Pennsylvania

ปีที่ก่อตั้ง : 2006

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Aerie คือเมื่อปี 2014 ได้เปิดตัวแคมเปญ #AerieReal เป็นการส่งเสริมความงามโดยธรรมชาติของสาวๆ ทำให้กลายเป็นแบรนด์ที่คิดบวก สร้างสรรค์ ซึ่งทำให้แบรนด์มีการเติบโตมาโดยตลอด

  1. Kohl’s เปลี่ยนห้างสรรพสินค้าให้ทันสมัย

สำนักงานใหญ่ : Menomonee Falls, Wisconsin

ปีที่ก่อตั้ง : 1962

Kohl’s เป็นหนึ่งในไม่กี่ห้างสรรพสินค้าที่ได้รับการเปิดเผยจากผู้เล่นค้าปลีก และนักวิเคราะห์ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจากวิกฤติค้าปลีกเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในร้านค้า  รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ Amazon ในการจำหน่ายสินค้า และมีบริการคืนสินค้าที่ซื้อจาก Amazon ได้ในบางพื้นที่ เป็นการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้า Amazon ด้วย

  1. Rent the Runway ทำให้ไฮแฟชั่นเข้าถึงคนระดับแมสได้

สำนักงานใหญ่ : New York, New York

ปีที่ก่อตั้ง : 2009

Rent the Runway เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าเช่าเสื้อผ้าแฟชั่นจากดีไซเนอร์มากกว่า 600 คน มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเช่าครั้งเดียว ไปจนถึง 159 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สำหรับการสมัครสมาชิก ตอนนี้บริษัทมีสมาชิกกว่า 9 ล้านราย มีรายงานมูลค่าประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  1. Peloton ยกฟิตเนสมาเล่นที่บ้าน

สำนักงานใหญ่ : New York, New York

ปีที่ก่อตั้ง : 2012

Peloton ได้ปฏิวัติวงการออกกำลังกายที่สามารถยกฟิตเนสมาไว้ในบ้านได้ โดยมีสินค้าหลักคือเครื่องปั่นจักรยานไฮเทคในราคา 1,995 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่ได้แค่มีตัวสินค้าอย่างเดียว ได้ทำคลาสเรียนสดที่สามารถสตรีมมิ่งได้จากที่บ้านเหมือนได้ออกกำลังกายที่ฟิตเนสพร้อมเทรนเนอร์

  1. Sweetgreen อาหารเฮล์ทตี้ก็เป็นฟาสต์ฟู้ดได้เหมือนกัน

สำนักงานใหญ่ : Los Angeles, California

ปีที่ก่อตั้ง : 2007

Sweetgreen ทำให้ร้านอาหารจานด่วนไม่ใช่อาหารจังค์ฟู้ดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้ ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2007 ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีร้านเกือบ 100 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา และวางแผนที่จะเปิดอีก 2,000 แห่งในโลเคชั่นตึกออฟฟิศในไม่กี่ปีข้างหน้า

  1. ThirdLove ซื้อยกทรงแบบออนไลน์

สำนักงานใหญ่ : San Francisco, California

ปีที่ก่อตั้ง : 2013

ThirdLove เป็นแบรนด์ชุดชั้นในออนไลน์ เข้ามาปฏิวัติวงการด้วยการซื้อชุดชั้นในโดยที่ไม่ต้องลองก็ยังได้ วิธีการของ ThirdLove จะให้ลูกค้าทำแบบทดสอบเพื่อหาแบบของชุดชั้นในที่เข้ากับลูกค้า จากนั้นจะจัดส่งให้ และสามารถทดลองใส่ได้นานถึง 30 วัน ตอนนี้มีสาวๆ ที่เคยทำแบบทดสอบมากกว่า 11 ล้านคนแล้ว

  1. ThredUP นำแฟชั่นมือสองเข้าสู่กระแสหลักได้

สำนักงานใหญ่ : San Francisco, California

ปีที่ก่อตั้ง : 2009

ThredUp เป็นผู้นำในตลาดซื้อขายของมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมี 4 สโตร์ด้วยกัน ในร้านมีกว่า 35,000 แบรนด์ มีสินค้าที่หมุนเวียนตลอด เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใหม่ตลอด

  1. Brandless เอาฉลากออกจากแพคเกจจิ้ง

สำนักงานใหญ่ : San Francisco, California

ปีที่ก่อตั้ง : 2016

Brandless เริ่มต้นจากการขายสินค้าออนไลน์ ที่ขายตั้งแต่พาสต้า สบู่ ไปจนถึงอุปกรณ์ทำครัว ในราคาเพียงแค่ 3 ดอลลาร์สหรัฐ จุดเด่นของแบรนด์คือมีการทำฉลากที่เรียบง่าย แทบจะไม่มีโลโก้แบรนด์เลยด้วยซ้ำ

  1. Sephora ใช้ VR เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ

สำนักงานใหญ่ : Paris, France

ปีที่ก่อตั้ง : 1970

Sephora ได้ปฏิวัติวงการความงามด้วยการนำเทคโนโลยี VR พร้อมกับใช้แอพพลิเคชั่นช่วยให้ลูกค้าได้ทดลองแต่งหน้าโดยที่เครื่องสำอางไม่ต้องสัมผัสหน้า สามารถดูได้ว่าแต่งหน้าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง จากนั้นก็หาซื้อสินค้าได้ง่ายๆ ภายในร้าน

  1. Nike เปลี่ยนวิธีการซื้อรองเท้าสนีคเกอร์

สำนักงานใหญ่ : Beaverton, Oregon

ปีที่ก่อตั้ง : 1964

ในปีนี้ Nike ได้เปิดตัวฟีเจอร์ scan-to-buy เป็นบริการที่ลูกค้าสามารถสแกนบาร์โค้ดของสินค้าในร้าน และสามารถซื้อได้ทันที

  1. Away เข้ามาเขย่าตลาดกระเป๋าเดินทาง

สำนักงานใหญ่ : New York, New York

ปีที่ก่อตั้ง : 2015

Away ไม่ใช่บริษัทแรกที่คิดค้นกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะ แต่กลับกลายเป็นผู้นำตลาด ซึ่งกระเป๋าเดินทาง Away มี 4 ขนาดด้วยกัน มีราคาตั้งแต่ 225 ดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึง 295 ดอลลาร์สหรัฐ มาพร้อมกับที่ชาร์จในตัว ได้กลายเป็นกระเป่าที่ทันสมัยที่สุด ตอนนี้มี 8 สาขาในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร

Source

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา