ไมเนอร์ มองจีนปลดล็อกธุรกิจโตก้าวกระโดด กางแผน 3 ปี รายได้โตเฉลี่ย 12-15%/ปี

ไมเนอร์ กางแผน 3 ปี รายได้โตเฉลี่ย 12-15%/ปี พร้อมคุมต้นทุนเข้ม ชี้จีนปลดล็อกเห็นผลจริงครึ่งหลังปี 2023 เหตุรอสายการบินพร้อม เผยกลยุทธ์ขึ้นราคาโรงแรม-ร่วมมือธุรกิจอาคารเครื่องดื่มประสบความสำเร็จ

Minor

ไมเนอร์ เผยแผน 3 ปี โต 12-15%/ปี

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT เล่าให้ฟังว่า ช่วง 3 ปีหลังจากนี้ บริษัทวางแผนเติบโตเฉลี่ย 12-15%/ปี พร้อมควบคุมต้นทุนต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มโอกาสการสร้างกำไรเพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงแรม, อาหาร และสินค้าไลฟ์สไตล์

“เป้าหมายปีนี้ของ ไมเนอร์ คือ Back to Growth ผ่านการตั้งเป้าเติบโตกว่า 20% จากปี 2022 ผ่านปัจจัยสำคัญคือการปลดล็อกของประเทศจีน เมื่อรวมกับปัจจัยบวกอื่น ๆ ทำให้หลังจากนี้ไมเนอร์ต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม และสร้างผลกำไรได้มากกว่าเดิม”

ปัจจุบัน ไมเนอร์ ยังไม่ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2022 แต่ช่วง 9 เดือนแรกในปี 2022 ของบริษัทมีรายเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 84% แม้ภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจสายการบิน

ขึ้นราคาค่าโรงแรมคือกลยุทธ์สำคัญ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเติบโตในปี 2022 ของ ไมเนอร์ คือ การปรับขึ้นราคาค่าโรงแรม โดยบางแห่งปรับขึ้นมากกว่าที่เคยให้บริการในปี 2019 หรือมีการปรับขึ้นตั้งแต่ 15-40% จากราคาเดิม และแม้จะปรับขึ้น แต่ผู้บริโภคที่มีความต้องการท่องเที่ยวสูงก็ยอมจ่าย ทำให้รายได้ 9 เดือนในปี 2022 เติบโตก้าวกระโดด

“เราขึ้นราคา แต่ไม่ใช่แค่ราคาที่ขึ้น การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็ยังรักษามาตรฐาน และปรับให้ดีขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในยุโรป, มัลดีฟส์ รวมถึงในประเทศไทย ที่แม้จะปรับขึ้น แต่ด้วยแรงดึงดูดเรื่องการท่อเที่ยว ทำให้ทุกคนยอมจ่าย และเรายังคงกลยุทธ์นี้ไว้ในปี 2023”

ธุรกิจโรงแรมของ ไมเนอร์ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวระดับกลางบน จนถึงกลุ่ม Luxury รวมกว่า 520 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมกว่า 75,000 ห้อง ภายใต้เครื่องหมายการค้าอนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอเลวาน่า, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช, นาว, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และธุรกิจรับบริหารโรงแรม

เตรียมเปิดโรงแรมเพิ่ม 70 แห่ง ใน 2-3 ปี

จากการเติบโตของธุรกิจโรงแรม ไมเนอร์ มีแผนเปิดโรงแรมอีกกว่า 70 แห่ง ในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ เช่น มัลดีฟส์, เยอรมนี และออสเตรเลีย เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมบุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่านการขายที่พักอาศัยระดับ Luxury เช่น อนันตรา เรสสิเด้นส์ สวีต รวมถึงการให้บริการอาคารสำนักงานย่านสีลม เช่นกัน

“ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมเราเป็นหนึ่งในกลุ่มระดับท็อปของโลก และมีฐานสมาชิกกว่า 22 ล้านราย ทำให้ ไมเนอร์ เป็นเบอร์หนึ่งในแง่อัตราจำนวนโรงแรม/สมาชิก แต่ถ้าเจาะไปที่ประเทศไทย ปัจจัยบวกนักท่องเที่ยวจีนจะเห็นได้ชัดจริง ๆ คงต้องรอถึงครึ่งปีหลัง เพราะความพร้อมของสายการบินยังไม่กลับมาเต็มที่”

ส่วนธุรกิจอาหาร ไมเนอร์ มีแผนเปิดสาขาเพิ่มในหลากหลายรูปแบบ เช่น สาขาขนาดเล็กเน้นซื้อกลับบ้าน หรือเป็นสาขาสำหรับเดลิเวอรีโดยเฉพาะ รวมถึงมีแผนประกาศความร่วมมือกับแบรนด์ที่น่าสนใจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตเช่นกัน

ขายหุ้นกู้ เพิ่มโอกาสธุรกิจเติบโต

ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน MINT เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเดินหน้าสร้างการเติบโตเต็มรูปแบบ (Back to growth) ในปี 2566 นี้ ตลอดจนเพื่อเป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งและความมั่นคงของบริษัทตลอด 50 ปี MINT จึงมุ่งสร้างสายสัมพันธ์แห่งความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด “Bond with us” ระหว่างบริษัท ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

บริษัทได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ในระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่นี้ ในระดับ “BBB+” โดยบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 โดยบริษัทคาดว่าจะเปิดจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ แก่ประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์นี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ

บริษัทเชื่อว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากแบรนด์และทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างรายได้ และผลักดันผลกำไรและผลตอบแทนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อสถาบันการเงินทั้ง 11 แห่งได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สรุป

ไมเนอร์ คือยักษ์ใหญ่ของธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ยิ่งทางบริษัทปรับตัวได้ดีจนยอดขายเติบโตก้าวกระโดด และบางธุรกิจแซงหน้าก่อนโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจีนหลังจากนี้จะยิ่งสร้างแรงบวกให้กับไมเนอร์ในการเติบโตในอนาคต

อ้างอิง // MINT

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา