อาหรับรุก Premier League เพราะ Newcastle กำลังได้เจ้าของใหม่เป็นทุนเดียวกับ Man City

สโมสรในศึกฟุตบอล English Premier League ได้ตกเป็นของเล่นคนรวยของทุนอาหรับอีกครั้ง เพราะล่าสุด Mike Ashley ได้บรรลุข้อตกลงในการขายสโมสร Newcastle United ให้กับ Sheikh Khaled แล้ว

Newcastle United
Newcastle United // ภาพ pixabay.com

14,000 ล้านบาทคือตัวเลขสุดท้าย

แม้ Mike Ashley ผู้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล Newcastle United มาตั้งแต่ปี 2550 จะพยายามหากลุ่มทุนมาซื้อสโมสรต่อในช่วงหลัง แต่เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ไม่ว่าจะเป็นการออกมาบอกในเดือนต.ค. 2561 ว่า ไม่มีข้อเสนอใดๆ ที่รับได้เลย หรือในเดือนธ.ค. ก็แค่บอกว่าอยู่ระหว่างเจรจากับบางกลุ่มทุนอยู่

อย่างไรก็ตามความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะล่าสุด Mike Ashley ก็บรรลุข้อตกลงในการขายสโมสร Newcastle United ได้สักที โดยคนที่มาซื้อก็คือ Sheikh Khaled bin Zayed Al Nehayan ญาติของ Sheikh Mansour bin Zayed Al Nahyan เจ้าของทีม Manchester City นั่นเอง

Newcastle United
Newcastle United // ภาพ pixabay.com

สำหรับดีลการซื้อขายสโมสรฟุตบอล Newcastle มีมูลค่า 350 ล้านปอนด์ (ราว 14,000 ล้านบาท) โดยสำนักข่าวในอังกฤษต่างรายงานว่าดีลนี้มีการเซ็นสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว รวมถึงยื่นให้กับ Premier League รับทราบแล้วด้วย ซึ่งถ้าเป็นจริง เจ้าของใหม่ต้องให้เงินในการซื้อนักเตะเหมือนกับที่ Mike Ashley เคยกล่าวไว้

ในทางกลับกัน Sheikh Khaled นอกจากเป็นญาติของ Sheikh Mansour และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Bin Zayed Group กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ เขายังเคยเสนอซื้อสโมสร Liverpool FC เมื่อปีก่อนผ่านมูค่า 2,000 ล้านปอนด์ (ราว 80,000 ล้านบาท) แต่ก็ไม่สำเร็จ

Sheikh Khaled bin Zayed Al Nehayan
Sheikh Khaled bin Zayed Al Nehayan // ภาพจาก Bin Zayed Group

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบรายชื่อเจ้าของสโมสรฟุตบอลใน Premier League พบว่ายังมีถึง 8 สโมสรที่มีชาวอังกฤษแท้ๆ ถือหุ้นอยู่ ส่วนที่เหลือนั้นกระจายไปไม่ว่าจะเป็นชาวสหรัฐอเมริกา 7 ทีม ชาวตะวันออกกลาง 3 ทีม และที่เหลือก็มีทั้งไทย, จีน, มาเลเซีย, รัสเซีย และอิตาลี โดยบางทีมก็มีผู้ถือหุ้นหลายเชื้อชาติ

สรุป

การลงทุนในสโมสรฟุตบอล Premier League นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องใช้เงินมหาศาล และต้องมีความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องหลังที่ทำเอาหลายคนต้องถอยออกจากอุตสาหกรรมนี้ แม้จะมีเงินมากมายก็ตาม

อ้างอิง // Channel News Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา