MG ลั่น ขอขึ้น Top 5 ตลาดรถยนต์ไทย ถ้าทำได้ Ford หรือ Mazda อาจถูกแซง

MG ประเทศไทย แจ้งแผนธุรกิจประจำปี 2566 และครบรอบ 10 ปีกิจการในไทย เดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ พร้อมตั้งเป้าขึ้น 5 อันดับแรกของตลาดรถยนต์ไทย จากปัจจุบันอยู่ที่ 6 ตามหลัง Ford และ Mazda ตามลำดับ

MG

MG ขอแซงหน้า Ford และ Mazda

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2566 เอ็มจี ได้กำหนดแผนการยกระดับแบรนด์ให้เติบโตประกอบด้วย สร้าง MG ให้ขึ้นไปสู่ 5 อันดับแรกของตลาดรถยนต์ประเทศไทย เบื้องต้นปี 2566 จะมีการเปิดตัวอย่างน้อย 2 รุ่น และเร่งส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ค้างอยู่

ควบคู่ไปกับการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) อย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มตั้งแต่ 4 ปีก่อน จนปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้า MG วิ่งอยู่บนท้องถนนกว่า 8,000 คัน และปี 2566 ตั้งเป้าส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 1,000 คัน/เดือน รวมถึงขยายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

รวมถึงตั้งเป้าขยายผู้จำหน่าย และศูนย์บริการให้ครอบคลุม 77 จังหวัด และเพิ่มศูนย์ซ่อมสี และตัวถังจาก 67 แห่ง เป็น 80 แห่ง ที่สำคัญยังเพิ่มจำนวนศูนย์จำหน่ายรถยนต์มือสอง Approved Certified Used Car by MG อีก 5-10 แห่ง เพื่อคลายความกังวลเรื่องราคาขายต่อของลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าที่กำลังสนใจในแบรนด์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า MG ทำตลาดในประเทศไทยครบรอบ 10 ปี และหากอ้างอิงข้อมูลรายงานยอดขาย Toyota ประเทศไทย ปี 2565 MG ทำยอดขายไปได้ทั้งหมด 27,293 คัน ลดลง 12.0% จากปีก่อน กินส่วนแบ่งตลาด 3.2% เป็นอันดับที่ 7 ของตลาด ผ่านการทำตลาดรถกระบะ, รถเก๋ง, รถ SUV และรถยนต์ไฟฟ้า

หากต้องการเป็น 5 อันดับแรก MG ต้องแซงหน้า Ford ที่อยู่อันดับ 5 มียอดจำหน่ายปี 2565 43,628 คัน ผ่านการจำหน่ายรถกระบะ และรถ PPV กับ Mazda ที่อยู่อันดับ 6 มียอดจำหน่าย 31,638 คัน ผ่านการจำหน่าย รถเก๋ง, รถ SUV และ รถกระบะ

สรุป

จากแบรนด์ที่อาจจะเดินเกมพลาด หรือวางกลยุทธ์ผิดในช่วงแรก ๆ ผ่านมา 10 ปี MG กลายเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนที่แข็งแกร่งในประเทศไทย และล้มแบรนด์ญี่ปุ่นไปแล้วหลายราย ยิ่งตอนนี้ MG เดินเกมรถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ และคู่แข่งญี่ปุ่นยังไม่จริงจังเท่า โอกาสที่จะเห็น MG ขึ้นไปอยู่ใน 5 อันดับแรกก็อาจมีความเป็นไปได้

อ้างอิง // Toyota

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา