เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือ 3 เครือโรงแรมใหญ่ ขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์หรู และส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าคือ การมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Station) คอยให้บริการ ดังนั้นล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์​ (Mercedes-Benz) จึงได้จับมือกับ 3 เครือโรงแรมใหญ่ชัเ้นนำในเมืองไทย ตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เฟสแรก 63 จุดทั่วประเทศ

สำหรับ 3 เครือโรงแรม ได้แก่ Marriott International, Minor Hotels และ Hilton

ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า แบรนด์เทคโนโลยี ‘EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz’ เป็นสิ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญ ภายในปี 2565 เมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนจะผสานระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์จากแบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทฯ กำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50 รุ่นย่อยอีกด้วย

สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มี 3 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตได้เร็ว คือ นโยบายการสนับสนุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ ทั้งในด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต หรือนโยบายส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ของค่ายรถต่างๆ ที่เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค รวมถึงการมีสายการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน และสุดท้ายคือการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกท่านว่าจะได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีการลงทุนเปิดสายการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทุกรุ่นและการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย พร้อมนำความรู้ความเชี่ยวชาญจากบริษัทแม่มาพัฒนาบุคลากรชาวไทย รวมถึงการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อรองรับทุกการเดินทางของลูกค้าให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับการขยายจุดติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากับ 3 เครือโรงแรมชั้นนำ อย่าง Marriott International, Minor Hotels และ Hilton

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จำนวนทั้งสิ้น 8 รุ่น ได้แก่ C 350 e Avantgarde, C 350 e Exclusive, C 350 e AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLE 500 e 4MATIC Exclusive และ GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic โดยมีสัดส่วนยอดขาย 40% จากยอดขายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมด

อนาคตการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะกระจายตัวมากขึ้นในจุดที่ลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปถึง เพราะธรรมชาติของการชาร์จไฟฟ้าคือ สามารถทำได้ในทุกที่ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอร์รี่เหลือน้อยลง ดังนั้นเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องครอบคลุมให้มากที่สุด

ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นกว่า 200 จุด ครอบคลุมทั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ โรงแรมชั้นนำ และศูนย์การค้าชั้นนำ เช่น สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัล เวิลด์, พาราไดซ์ พาร์ค

สรุป

เวลานี้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยน่าจะยังเรียกว่า “ของเล่นคนรวย”​ หรือต้องเป็นคนที่ฐานะดีซื้อมาใช้งาน เพราะด้วยปัจจัยราคารถ, การซ่อมหรือบริการหลังการขาย,​ราคาอะไหล่ และการขายต่อรถมือสอง ยังไม่ได้เข้าใกล้ตลาดแมสในเร็วๆ นี้แน่นอน แต่การที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของรถยนต์ เป็นก้าวใหม่ของการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา