ยอมรับเศรษฐกิจไม่ดี McDonalds ทุ่มแคมเปญปีนี้ ไม่ได้มีแค่มินเนี่ยน แต่ขอเปลี่ยนเมนูด้วย

ปกติในแต่ละปี McDonalds จะส่งแคมเปญระดับ 10 ล้านบาท มากระตุ้นยอดขาย แต่ปีนี้ทุ่มแคมเปญระดับ 30 ล้านบาท “เยลโล่ มาเนีย” ส่งตัวการ์ตูนมินเนี่ยน พร้อมเปลี่ยนเมนูอาหาร คาดยอดขายจะเพิ่มอีก 30%

ส่งแคมเปญใหญ่ล้อไปกับภาพยนตร์

ปีนี้ McDonald เปิดตัวแคมเปญ “เยลโล่ มาเนีย” (Yellow Mania) ส่งชุดแฮปปี้มีลที่ยกขบวนเหล่ามินเนี่ยนมาให้สะสมทั้งหมด 10 แบบ เพราะว่าวันที่ 15 เดือนมิถุนายนนี้จะมีภาพยนตร์มินเนี่ยนภาค 3 เข้าฉายในเมืองไทย

McDonald ถือโอกาสร้างการรับรู้ (Awareness) ในต้นเดือนมิถุนายนก่อน 2 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ด้วยแคมเปญที่ใช้งบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท ถือเป็นแคมเปญที่ใหญ่ เพราะใน 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งแคมเปญมินเนี่ยนออกมาพร้อมกับกระแสภาพยนตร์เช่นเดียวกัน แต่ไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ และที่สำคัญคาดการณ์ผิดไป เพราะรอบที่แล้วที่ส่งมินเนี่ยนออกมา 300,000 ชุด เพียงไม่ถึง 10 วัน สินค้าก็หมดตลาดไปเลย รอบนี้จึงต้องจัดเต็มกว่าเดิม

กระแสมินเนี่ยนฮอตฟีเวอร์

อันที่จริง ก่อนหน้าการเปิดตัวแคมเปญนี้ McDonalds ได้เปิดโปรแกรมทดลองให้สาวกมินเนี่ยนสั่งจองคอลเลคชั่นได้ก่อนผ่านทาง Facebook ปรากฏว่า ไม่ถึงชั่วโมงยอดสั่งจองหมดทุกรายการ มาวันนี้ McDonalds ค่อนข้างมั่นใจมากกว่า แคมเปญที่ส่งมานี้จะตอบโจทย์

อีกอย่างที่ทำให้ McDonalds เชื่อว่ายอดขายจะดีขึ้นกว่าเดิม มาจากการที่มินเนี่ยนไม่ใช่ตัวการ์ตูนที่เฉพาะเจาะจงฐานลุูกค้าชัด คือหมายความว่าถ้าเป็นการ์ตูนแนวรถต้องเป็นเด็กผู้ชาย หรือลายน่ารักๆ ต้องเป็นเด็กผู้หญิง แต่มินเนี่ยนเป็นการผสมสานของความสนุกสนานและความตื่นเต้น เรียกว่าเป็นตัวการ์ตูนก๊วนแสบที่ตอบโจทย์ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ไปจนถึงนักสะสมกันเลยทีเดียว

แค่มินเนี่ยนไม่พอ ขอเปลี่ยนเมนูด้วย

อย่างที่บอกว่าถ้าส่งมาแค่มินเนี่ยน น่าจะไม่ต้องใช้งบการตลาดถึงขั้น 30 ล้านบาทขนาดนี้ แต่รอบนี้ส่งเมนูใหม่มาเพียบ เช่น สไปซี่ เบลโล เบอร์เกอร์ (Spicy Bellow Burger) มินเนี่ยนโปเตโต้ (Minion Potatoes) แมงโก้ ดริป ครั้นชี่ (Mango Dip Crunchy) รวมไปถึงแมงโก้ เฟรบเป้ (Mango Frappe) นอกจากนั้นยังทำลายมินเนี่ยนในบรรจุภัณฑ์ต่างๆ อย่างชุดแฮปปี้มีล กล่องแมคไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ และอีกมากมาย

เศรษฐกิจไม่ดี แคมเปญต้องใหญ่ เพื่อแย่ง Market Share

พรพรรณ มธุรพจนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท แมคไทย จำกัด บอกว่า “อย่างที่เราทราบกันดีว่า ในสภาะที่เศรษฐกิจไม่ดี การทำตลาดจึงต้องรุกหนัก เพื่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านการตลาด โดยเฉพาะออนไลน์ เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด”

แม้ว่าธุรกิจสายเบอร์เกอร์จะเริ่มอิ่มตัวแล้ว แต่ McDonalds มั่นใจว่าการส่งแคมเปญที่สอดรับกับกระแสสังคม รวมถึงการทำการตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง จะทำให้ยอดขายรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 30% ได้ เพราะหลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้แล้ว จะมุ่งการทำตลาดบนออนไลน์ เนื่องจากปีที่ผ่านมา McDonald ทำยอดขายบนออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นถึง 30% ส่วนที่เรารู้จักกันดีโดยการโทรมาสั่งเหลือเพียง 70% เท่านั้น

โดยการมุ่งเน้นการตลาดออนไลน์ของ McDonalds จะทำการ Facebool Live ดึงเอานักรีวิวอาหารชื่อดังและครอบครัวดารานักแสดงอย่าง ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจมาร่วมสร้างไวรัล และแน่นอน McDonalds จะบุกส่งโฆษณาไปตามทีวีทุกช่องและสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

สรุป

เป็นเรื่องปกติที่ McDonalds มักเลือกทำการตลาดที่ล้อไปกับกระแสของตลาดแมสอยู่แล้ว เพียงแต่รอบนี้ทุ่มงบการตลาดสูงถึง 30 ล้านบาท แต่ก็มาจากเหตุ 2 อย่างคือ ตลาดฟาสต์ฟู้ดโดยเฉพาะเบอร์เกอร์เริ่มอิ่มตัว กับอีกส่วนคือเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศที่ไม่สู้ดีนัก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา