อ่านเกม Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ในยุค Meta ที่ไม่ Meta อีกต่อไป

ตั้งแต่ Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อรันเทรนด์จักรวาลนิรมิตร หรือ Metaverse ทุกอย่างที่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของบริษัทวาดฝันไว้กลับไม่เป็นไปตามที่คิด

เพราะถึงบริษัทจะมีรายได้รวมปี 2021 เติบโต 20% แต่ก็มาพร้อมข่าวร้ายเช่น ยอดผู้ใช้งานลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และธุรกิจส่วน Metaverse ขาดทุนกว่า 3,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท

แถมจากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้น Meta หลังปิดตลาดวันที่ 3 ก.พ. 2022 ลดลง 26% มูลค่ากิจการหายไป 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านล้านบาท

ในภาษาเกม Meta ไม่ได้หมายถึง Metaverse แต่คือ Most Effective Tactics Available หรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเอาชนะเกมนั้น ซึ่งอาจบอกได้ว่า Facebook ในขณะนี้ไม่ใช่ Meta ของเกม Social Media อีกแล้ว

meta

ทำไม Meta ไม่ Meta อีกต่อไป?

เริ่มกันที่ตัวเลขการใช้งาน Facebook กันก่อน เพราะตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน หรือ Daily Average Users (DAUs) ในไตรมาส 4 ปี 2021 อยู่ที่ 1,929 ล้านบัญชี ลดลงจาก 1,930 ล้านบัญชี ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน ถือเป็นการลดลงของจำนวนผู้ใช้ครั้งแรกนับตั้งแต่ Facebook ให้บริการมานาน 17 ปี

เหตุผลที่ลดลงคงเดากันไม่ยาก เพราะมีตั้งแต่ Facebook ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ส่วนคนรุ่นใหม่กลับไม่เลือกใช้งาน, ข่าวร้ายเกี่ยวกับการใส่ใจเรื่องผลกำไรมากกว่าความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้ และการปล่อยให้เกิด Hate Speech อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้งานในระบบ

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ Facebook รักษาอัตรา DAUs ได้ยาก และค่อย ๆ สูญเสียความเป็น Meta ในตลาด Social Media ให้กับคู่แข่งรายอื่น แม้ Instagram จะยังตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มวัยรุ่นได้ และ Whatsapp ยังมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เทียบไม่ได้กับจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่แค่ลดลง 1 ล้านบัญชี ก็กระทบมูลค่ากิจการทันที

แล้ว Meta จะเดินหน้า Metaverse ได้จริงหรือไม่?

นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น Meta เมื่อปลายเดือน ต.ค. 2021 ความจริงจัง Metaverse ก็มีมากขึ้น จากเดิมที่ Facebook ค่อย ๆ จริงจังกับการรุกตลาด AR และ VR เช่นการซื้อกิจการ Oculus (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Meta Quest) เมื่อปี 2014 และพัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในแว่น VR อันดับต้น ๆ ของโลก

แต่การลงทุนใน Metaverse ถือเป็นเรื่องใหม่ และตลาดอาจยังไม่พร้อมขนาดนั้น เพราะหากดูรายได้ Reality Labs หรือธุรกิจใหม่ของ Meta ที่มีกลุ่ม Metaverse เป็นหนึ่งในนั้น ในไตรมาส 4 2021 กลับทำได้เพียง 877 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนถึง 3,304 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนทั้งปี 2021 กว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

หากไปเทียบกับรายได้ฝั่ง Family of Apps หรือธุรกิจดั้งเดิม เช่น รายได้โฆษณา Facebook และ Instagram ในไตรมาส 4 ทำได้ 32,794 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรถึง 15,889 ดอลลาร์ ส่วนทั้งปีมีกำไรถึง 56,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าการขับเคลื่อน Metaverse อาจยังเป็นเรื่องฝันกลางวันอยู่ถ้ามองในเรื่องเม็ดเงิน

พัก Anti-Meta ด้วยการกลับมาเน้นวีดีโอ

จากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้มูลค่าหุ้นที่ตกฮวบจน Meta สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการลดลงมากที่สุดภายในวันเดียว งานนี้ Mark Zuckerberg ถึงกับพูดในงานประชุมองค์กรผ่านออนไลน์ว่า “เราจะกลับมาเน้นวีดีโอสั้น เพราะเป็นแหล่งรายได้สำคัญหลังจากนี้”

งานนี้ศัพท์ในการเล่นเกมเรียกว่า Meta อาจกลับมาใช้กลยุทธ์ Meta อีกครั้ง เพื่อการันตีความสำเร็จ และมีผลประกอบการที่ออกมาสวยงาม พร้อมกับพักการ Anti-Meta หรือไม่ทำตามกลยุทธ์ที่คนอื่นทำด้วยการเร่งเครื่องธุรกิจใหม่ และกลุ่ม Metaverse เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต

นอกจากนี้ยังส่งแผนต่าง ๆ เพื่อรั้งพนักงานจำนวนมากให้อยู่ร่วมกับบริษัทให้นานที่สุด ไม่ไหลออกไปร่วมงานกับคู่แข่ง เช่น การเพิ่มวันหยุดในการทำงาน และกระตุ้นให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนเพื่อผ่อนคลาย และไม่เกิดอาการ Burnout จนไม่สามารถรีดประสิทธิภาพการทำงานออกมาได้เต็มที่

งานหนัก Mark เพื่อทำ Meta ให้ติด Meta

อย่างไรก็ตามไม่ใช่งานง่ายที่ Mark Zuckerberg จะทำให้ Meta กลับมาเป็น Meta ของธุรกิจ Social Media เพราะทั้งปัจจัยข้างต้นเช่น วัยรุ่นมองข้ามการใช้งาน Facebook รวมถึงการใส่ใจเรื่องรายได้มากเกินไปจนทำให้ผู้ใช้อยากย้ายออกไปอยู่ใน Social Media รายอื่น

ไหนจะเรื่อง Apple ที่ส่งฟีเจอร์ Do not Track หรือไม่ให้แอปพลิเคชันต่าง ๆ รู้ว่าผู้ใช้ชื่นชอบสิ่งไหน แต่ละวันใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อทำอะไรบ้าง จนกระทบกับการทำตลาดบริการโฆษณาบน Facebook และแอปพลิเคชันในเครือ เพราะทำเงินจากบริการโฆษณาได้ลำบากขึ้น

และล่าสุดราคาหุ้นของ Meta ยังไม่ฟื้นกลับมา สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในนักลงทุน และคงต้องลุ้นกันว่า Meta จะกลับมาได้หรือไม่ เพราะหากยังไม่แก้ไข โอกาสที่รายได้จากฝั่งโฆษณาก็อาจลดลง ผ่านจำนวนผู้ใช้งานที่ไหลไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ

สรุป

Meta อาจไม่ Meta อีกต่อไปแล้ว เพราะ Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนแก่ แม้จะมี Instagram และ Whatsapp คอยช่วยเหลือ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นการจูงใจให้คนรุ่นใหม่กลับใช้งานคือเรื่องสำคัญ และการยอมกลืนเลือดด้วยการพัก Metaverse และกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก่อนน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะที่สุด

อ้างอิง // Blognone, Meta, The Guardian

อ่านข่าวเกี่ยวกับ Meta และ Facebook เพิ่มเติมได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา