ทำไมใครๆ ก็ย้ายการสื่อสารออกจาก LINE Official Account ?
Grab เลิกสื่อสารผ่าน LINE ย้ายเข้าแอพตัวเองโดยตรง
Grab ประกาศยกเลิกการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางช่องทาง LINE แล้วย้ายไปสื่อสารผ่านแอพของตัวเองเต็มรูปแบบ โดยระบุว่า “Grab ย้ายช่องทางการสื่อสารจากทา
การย้ายช่องทางสื่อสารของ Grab จาก LINE ไปยังแอพพลิเคชั่นของตัวเอง เข้าใจได้ เพราะ Grab ประกาศมาสักพักแล้วว่าต้องการเป็น Super App ดังนั้น ก้าวของการย้ายออกจาก LINE ในครั้งนี้ของ Grab จึงพอเข้าใจได้ แต่ก็ยังคงมีคำถามว่า การสื่อสารผ่าน LINE สำหรับแบรนด์แพงไปหรือเปล่า?
เพราะแม้แต่ LINE Mobile ยังยกเลิกการสื่อสารผ่าน LINE แล้ว
ล่าสุด LINE Mobile ประกาศว่า ตั้งแต่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป LINE Mobile จะเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารหลักจาก LINE Official Account มาเป็น Facebook แต่ลูกค้ายังคงใช้บริการฟีเจอร์ต่างๆ ของ LINE Mobile บนช่องทาง Official Account บน LINE ได้ต่อไป
[วิเคราะห์] แพงไปหรือเปล่า ทำไมใครๆ ก็ย้ายออกจาก LINE Official Account
- หนึ่งในคำถามที่หลายคนอยากรู้คือ เหตุผลที่แบรนด์อย่าง Grab และ LINE Mobile ย้ายช่องทางการสื่อสารออกจาก LINE Official Account เป็นเพราะมีต้นทุนที่ต้องจ่าย “แพง” เกินไปหรือเปล่า?
Brand Inside เปิดแพ็คเกจราคาของ LINE Official Account พบว่า หากสมัครแพ็คเกจ Pro+ ราคา 6,800 บาทต่อเดือน (เป็นโปรโมชั่นที่มีราคาแพงที่สุด) แบรนด์จะได้ข้อความบรอดแคสต์ไม่จำกัดภายใน 300,000 reach รวมถึงโพสต์บนหน้าไทม์ไลน์ได้ไม่จำกัด และส่งฟีเจอร์ต่างๆ ไปให้ลูกค้าใช้ได้ทุกประการ
แต่การส่งข้อความหาลูกค้ามีค่าใช้จ่ายที่คิดแยกจากแพ็คเกจดังกล่าว ข้อมูลจาก LINE ระบุว่า การส่งข้อความหาลูกค้าหากไม่เกิน 10,000 ข้อความ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ในโปรโมชั่น แต่หากเกิน 10,000 ข้อความ ค่าใช้จ่ายจะคิดตามจำนวนที่ใช้จริง
จากนั้นเมื่อไปเปิดดู follower ของ Grab ในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 7.8 ล้านคน ส่วน LINE Mobile มี follower อยู่ที่ 9.4 ล้านคน
- พูดง่ายๆ ก็คือ ทั้ง Grab และ LINE Mobile มีลูกค้าหลักหลายล้าน ย่อมต้องส่งข้อความเกิน 10,000 ข้อความต่อเดือนไปยังลูกค้าอยู่แล้ว
ค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความ LINE ระบุว่า หากเกินกว่าแพ็คเกจที่กำหนดไว้ จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 0.1 บาท (คิดจากแพ็คเกจระดับ Pro) ดังนั้นคำนวณง่ายๆ เช่น Grab ที่มี follower อยู่ประมาณ 7.8 ล้านคน หาก Grab ต้องการส่งข้อความไปยัง follower ทุกคน ค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ประมาณ 7.8 แสนบาทต่อครั้ง (แต่ในส่วนนี้ LINE ระบุว่า หากมี follower เกิน 5 ล้านคน ต้องติดต่อ LINE โดยตรง เข้าใจว่าน่าจะได้ราคาที่ถูกลง)
สรุป
LINE เป็นช่องทางสื่อสารหนึ่งที่ยอดฮิตของคนไทย เพราะ LINE มีฐานลูกค้ามากกว่า 45 ล้านคน คิดเป็น 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ อริยะ พนมยงค์ อดีตกรรมการผู้จัดการของ LINE ประเทศไทยบอกเลยว่า “95% ของคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เป็นฐานลูกค้าของ LINE”
แต่ราคาของ LINE Official Account ที่สูงหลักหมื่นหลักแสนต่อครั้งในการส่งข้อความถึงลูกค้า (ยกตัวอย่างเช่น Grab หรือ LINE Mobile) อาจทำให้แบรนด์มองว่าไม่คุ้ม เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้ช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าทำได้หลากหลาย อย่าง Grab ที่ขอดึงลูกค้าเข้าสู่แอพพลิเคชั่นของตัวเองตามแผน Super App ในขณะที่ LINE Mobile (ที่แม้ในชื่อจะมีคำว่า “LINE”ด้วย) ก็ยังประกาศย้ายการสื่อสารหลักออกจาก LINE แล้วไปสื่อสารผ่าน Facebook แทน
- หรือว่านี่คือสัญญาณ และเป็นไปได้หรือไม่ที่ในอนาคตอันใกล้อาจมีแบรนด์ใหญ่ๆ ยกเลิกการสื่อสารผ่าน LINE Official Account
อ้างอิงข้อมูล LINE – LINE@, LINE BIZ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา