Levi’s ประกาศผลประกอบการโตขึ้น 7% หลัง IPO รอบสองในรอบ 35 ปี

หลังจากที่ Levi’s ได้เปิดนำหุ้นออกขายสู่สาธรณะชนเป็นรอบที่ 2 ในรอบ 35 ปี ล่าสุดได้ประกาศรายได้ว่ามีการเติบโต 7% ดูท่าตลาดกางเกงยีนส์น่าจะยังสดใสได้อยู่

Photo : Shutterstock

Levi Strauss & Co. หรือกางเกงยีนส์ Levi’s เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่อายุถึง 166 ปี โดยที่ในวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา Levi’s ได้นำหุ้นออกขายสู่สธารณะชน หรือ IPO เป็นครั้งที่ 2 ของบริษัทในรอบ 35 ปี

ย้อนรอยการ IPO ของ Levi’s สักนิดหน่อย ก่อนหน้านี้บริษัทได้เคย IPO ครั้งแรกเมื่อปี 1971 (พ.ศ. 2514) จนเมื่อปี 1984 (พ.ศ. 2527) เหล่าบรรดาทายาทของผู้ก่อตั้งได้รวมเงินซื้อบริษัทคืนจากนักลงทุนภายนอก ทำให้ Levi’s เข้าสู่สถานะเป็นบริษัทเอกชนอีกครั้ง

จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Levi’s ได้ประกาศแผน IPO อีกครั้ง เพราะมองเห็นโอกาสของตลาดกางเกงยีนส์ เทรนด์จากการแต่งกายต่างๆ รวถมึงการบุกตลาดจีนด้วย จึงตัดสินใจ IPO รอบที่ 2 ในรอบ 35 ปี กลายเป็นบริษัทกางเกงยีนส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่หลายคนสามารถเข้าลงทุนได้

หลังจากเปิด IPO ไม่นาน Levi’s ก็ได้ประกาศรายได้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกว่ามีการเติบโต 7% หรือ 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการขาดทุนมาอยู่ที่ 147 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 81%

ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตมาจากการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ มีนวัตกรรมสินค้า มีกลยุทธ์การตลาดที่ต่อเนื่อง และมีผลประกอบการจากช่องทาง D2C หรือ Direct to Consumer อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น

มีนักวิเคราะห์ได้บอกว่า การที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาจากการที่ Levi’s ขยายร้านอีก 70 แห่ง รวมถึงการขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านบุคคลที่สามอย่างห้างค้าปลีก

รวมถึงการที่ Levi’s มีนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ตลาดกางเกงยีนส์ อย่างเช่น กางเกงยีนส์คอลเล็กชั่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยียืดได้ และสามารถควบคุมอุณหภูมิได้

ในขณะที่เรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ ผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อย ยังคงมองว่า Levi’s เป็นแบนด์ไลฟ์สไตล์มากกว่า ซึ่งทางแบรนด์ต้องการที่จะสื่อสารไปถึงนวัตกรรม และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ด้วย

Source

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา