ลี เซียนลุง: โควิดยังอยู่อีกนาน จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เร่งเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ลี เซียนลุง ผู้นำสิงคโปร์แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ขณะนี้เหตุการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่สิงคโปร์ยังยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดต่อไป จากนั้นก็ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าทั้งหลาย

สิงคโปร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ค่อนข้างต่ำ หลังจากที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการ circuit breaker แล้ว ก็เริ่มเปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง สิงคโปร์จะพยายามระมัดระวังไม่ให้มีการติดเชื้อปะทุขึ้นอีก

โควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนาน จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

จากนั้น ลี เซียนลุงก็เรียกร้องให้ประชาชนรักษาสุขอนามัยเช่นเดิม อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากสังคม และพยายามหลีกเลี่ยงในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น เขามองว่า โควิด-19 จะยังอยู่กับเราไปอีกนาน อย่างน้อยหนึ่งปี หรือจนกว่าจะมีวัคซีนให้ใช้อย่างแพร่หลาย เขาบอกว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 ในระยะยาวให้ได้ เหมือนอย่างที่เราเคยอยู่กับโรคระบาดมาก่อนหน้านี้ เช่น วัณโรค เราสามารถลดการแพร่กระจายไวรัสและทำให้ตัวเองปลอดภัยจากโรคได้

โควิด-19 ไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองด้วย มันเป็นวิกฤตที่มวลมนุษยชาติจะต้องเผชิญเป็นระยะเวลายาวนาน เพราะโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกต้องหยุดความเคลื่อนไหว รัฐบาลมีความจำเป็นต้องอนุมัติงบประมาณนับล้านล้านเหรียญสหรัฐเพื่อที่จะประคับประคองธุรกิจต่างๆ และตำแหน่งงานให้คนไม่ต้องตกงาน ให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้ต่อไป

Singapore COVID-19
ภาพจาก Shutterstock

GDP ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ สู้ต่อไป อย่าสูญเสียกำลังใจ

ลี เซียนลุงระบุว่า สิงคโปร์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน GDP ลดลงประมาณ 4-7% ในปีนี้ ถือว่าแย่ที่สุดที่เคยมีมา นอกจากนี้สิงคโปร์ก็อัดฉีดเงินราว 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท) หรือประมาณ 20% ของ GDP สิงคโปร์ต้องพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนค่อนข้างมาก

โควิดทำให้การตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ การกักกันโรค จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ต้องปฏิบัติกันต่อไปจนเป็นเรื่องปกติ พวกอุตสาหกรรมประเภทการท่องเที่ยว โรงแรม การบินคงต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ หลายองค์กรต้องปรับตัวและอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล หลายคนต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดต่อไปให้ได้

หลายตำแหน่งถูกยุบ คนว่างงานเพิ่มขึ้น บางตำแหน่งหายไปและอาจจะไม่สามารถกลับมาได้อีก คนทำงานต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถได้รับการว่าจ้างต่อไปได้

อย่ากลัว อย่าสูญเสียกำลังใจ สิงคโปร์จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

สิงคโปร์ Photo by Ethan Hu on Unsplash

เตรียมตัวฟื้นฟูเศรษฐกิจ เร่งพัฒนาแรงงาน หาช่องทางใหม่ๆ ทดแทนความสูญเสีย

ลี เซียนลุงเชื่อว่า อนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า สิงคโปร์จะดีขึ้นจากวิกฤตครั้งนี้ สิ่งแรกที่ลีเซียนลุงย้ำคือ สิงคโปร์มีทั้งเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีชื่อเสียงที่โด่งดังมาหลายทศวรรษ การค้าระหว่างประเทศและการลงทุนอาจจะเสื่อมถอยลง แต่มันจะไม่หายไปทั้งหมด จะมีช่องทางใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้น สิงคโปร์จะเชื่อมโยงตัวเองกับช่องทางใหม่ๆ เหล่านี้ รวมถึงสร้างธุรกิจและสร้างงานใหม่ๆ ด้วย เพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสีย

ในขณะที่โลกกำลังวุ่นวาย นักลงทุนจะให้คุณค่ากับรัฐบาลที่พวกเขาเชื่อมั่นได้ รวมถึงรัฐบาลที่ทำตามกฎ นักลงทุนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเดิมพันและเชื่อใจการเมืองที่มีเสถียรภาพ ลี เซียนลุงพูดถึงการรับมือโควิด-19 ว่าเป็นไปอย่างเปิดกว้างและโปร่งใส พยายามไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง

นอกจากนี้ สิงคโปร์กำลังเตรียมตัวเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน สิงคโปร์ทำงานอย่างหนักทั้งการเปลี่ยนแปลงศักยภาพตัวเอง ทั้งการวางแผนเพื่อพัฒนาเพื่อเศรษฐกิจในอนาคต ลงทุนเพื่อพัฒนาแรงงาน พัฒนาทักษะสำหรับอนาคต พัฒนาภาครัฐ ภาคเอกชนให้เป็นดิจิทัล สร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพในการวิจัยและพัฒนา ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ลี เซียนลุงระบุว่าถ้าทำทุกอย่างที่ว่ามาจะทำให้ประเทศโดดเด่นทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก

Formula 1 F1 Singapore
ภาพจาก Shutterstock

ลี เซียนลุงกล่าวว่า ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าโลกหลังโควิด-19 จะเป็นอย่างไร สิ่งที่สิงคโปร์ทำคือการเตรียมพร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังผ่อนคลาย Lockdown ทั้งในด้านการขนส่งและการค้าที่เกี่ยวพันกัน ตัวอย่างเช่น สนามบินชางฮีก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ transit flight แล้ว

สิงคโปร์กำลังทำให้ supply chain มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การหาแหล่งอาหารที่หลากหลาย เช่น การซื้อไข่จากโปแลนด์ ซื้อกุ้งจากซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น ต่อจากนี้ ก็จะพยายามอย่างหนักที่จะรักษาคนเก่งให้ทำงานกับสิงคโปร์ต่อไป ขณะเดียวกันก็จะดึงดูดคนเก่งๆ ให้มาทำงานและลงทุนกับประเทศของเรา เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้สิงคโปร์กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ที่มา – Prime Minister’s Office Singapore

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา