ศูนย์วิจัยกรุงไทย: GDH 3 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุค New Normal รัฐ ดิจิทัล สุขภาพ

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ประเมินพิษโควิดส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัว 8.8% รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปกว่า 1.57 ล้านล้านบาท ปริมาณการค้าโลกอาจหดตัวถึง 10-30%

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและการบริโภคในประเทศมีสัดส่วน 37% ของมูลค่ายอดขายในอุตสาหกรรมไทย ประสบความท้าทายรุนแรง ซึ่ง CEO ทั่วโลกเชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาได้ช้าๆ แบบ U Shape หากธุรกิจอยากอยู่รอดต้องหาโอกาสจากการใช้จ่ายภาครัฐ เทรนด์สุขภาพ และการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี

ดร.พรพจน์ นันทรามศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธ.กรุงไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2020 จะหดตัว 8.8% หากโควิดกลับมาระบาดระลอก 2 จนนำไปสู่การปิดเมืองอีกครั้ง GDP จะหดตัวรุนแรง 12% ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา เศรษฐกิจทั่วโลกรวมทั้งไทยหดตัวอย่างหนักจากมาตรการเว้นระยะห่างจากสังคม นักท่องเที่ยวไหลเข้าไทยลดลง 60% ยอดจองที่อยู่อาศัยลดลงจาก 36% ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เหลือเพียง 14%

โควิด-19 ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไปสู่ New Normal ผลการสำรวจจาก CEO ทั่วโลก มองว่าเศรษฐกิจจะกลับมาได้ช้าๆ แบบ U Shape กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นหลังค้นพบวัคซีน ปีนี้เศรษฐกิจจะหดตัวรุนแรงในช่วงต้นปี และอาจใช้เวลามากราว 1-3 ปีในการกลับมาสู่จุดเดิม ปริมาณการค้าโลกอาจหดตัวถึง 10-30%

ดร. กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ ผู้ร่วมวิจัย มองว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจมีความสามารถในการบริโภคและลงทุนลดลง ธุรกิจจำนวนมากประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หนี้ภาคครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น

New Normal ทำให้ต้นทุนของการทำธุรกิจจะสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจที่จะเติบโตได้ คือธุรกิจที่สามารถหาโอกาสได้จาก “GDH” การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (G) ที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ผ่านการยกระดับสาธารณสุข การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีของผู้บริโภค (D) หัวใจของการดำเนินธุรกิจ และกระแสด้านสุขภาพ (H) ซึ่งมีแนวโน้มเป็นพฤติกรรมระยะยาวของผู้บริโภค ได้แก่ ธุรกิจสุขภาพ การแพทย์ บริการด้านเทคโนโลยี เคมีภัณฑ์ ซึ่งมียอดขายรวมกัน 12% ของมูลค่ายอดขายในอุตสาหกรรมไทย

ณัฐพร ศรีทอง ผู้ร่วมวิจัย สรุปว่า แม้ในมุมการแพร่ระบาดของโรคได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว แต่ในมุมความท้าทายด้านเศรษฐกิจและธุรกิจใน New Normal ถือว่าเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นธุรกิจควรเริ่มปรับตัว

เริ่มกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ให้ความสำคัญกับลดต้นทุน ยกระดับการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยี และที่สำคัญคือต้องปรับกลยุทธ์สร้างผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับเทรนด์ “GDH”  ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจและเม็ดเงินของผู้บริโภค

ตัวอย่างธุรกิจเกษตรที่ควรใช้โอกาสนี้ ในการก้าวไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงใน New Normal เช่น ผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์และสุขอนามัย การผลิตยาหรืออาหารเสริมจากพืช (Biopharmaceutical)  และการผลิตเครื่องสำอางชีวภาพ (Biocosmetics) เป็นต้น

ที่มา – ทำเนียบรัฐบาล

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา