“กระทิง พูนผล” กับการผลักดัน KBTG ให้ไปไกลระดับเอเชีย และการปลดปล่อยศักยภาพของทีมงาน

Brand Inside จะพาไปพบกับเรื่องของ KBTG ที่ต้องการจะเป็น 1 ในบริษัทเทคโนโลยีของไทยที่ต้องนึกถึง
ซึ่งมีผลงานต่างๆ ออกมามากมาย เช่น ขุนทอง (KhunThong) เมค (MAKE) และ อีทเทเบิ้ล (Eatable) ฯลฯ ขณะเดียวกันเรื่องสำคัญที่ KBTG เน้นย้ำมากที่สุดคือเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ซึ่งเราจะมาดูกันว่า ประธานของ KBTG ได้กล่าวถึงเรื่องการพัฒนาศักยภาพของ KBTG อย่างไร เพื่อที่จะให้ศักยภาพของพนักงาน KBTG ออกมามากที่สุด

เรืองโรจน์ (กระทิง) พูนผล – ประธานกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG

เรืองโรจน์ (กระทิง) พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้กล่าวถึง การดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ทุกอย่างเร่งเครื่องมากขึ้นจาก 2 ปี เหลือ 2 เดือน และในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าก็มีการใช้บริการต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทยเป็นอย่างมาก เช่น ธุรกรรมของ K+ นั้นถึง 2 หมื่นล้านธุรกรรมในปีนี้ไปแล้ว รวมถึงผู้ใช้งาน K+ ก็เพิ่มมากถึง 14 ล้านคนและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนเปลี่ยนเป็น Cashless Society ขณะเดียวกันธนาคารกสิกรไทยก็ติด 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก แต่เขาเองก็มองว่าธนาคารก็ต้องเร่ง Transformation ธนาคารเองด้วย นอกจากนี้ธนาคารกสิกรไทยเองก็ต้องมองไปไกลกว่าอนาคตที่เราเห็นในช่วง 1-2 ปีนี้อย่างมากในหลายๆ เรื่อง

กระทิงยังกล่าวถึง KBTG มีสำนักงานใหม่ K+ ที่สามย่านนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของ K+ สามย่านคือจิตวิญญาณ วัฒนธรรมของคนที่มาอยู่ด้วยกัน และทำยังไงที่จะหาทางให้พนักงานสามารถปลดปล่อยนวัตกรรมออกมาจากคนในตึกนี้มากที่สุด และมองว่า KBTG มีจุดมุ่งมั่นที่จะเอาจริงเอาจังด้านนวัตกรรม ขณะเดียวกัน KBTG ยังได้เปิดสำนักงานใหม่ K-TECH ที่เซินเจิ้นมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านหยวน จีนกำลังจะมีการพัฒนาด้านฟินเทคอีกมหาศาล ทำให้ KBTG จึงต้องออกไปหานวัตกรรมใหม่ๆ ในประเทศจีน โดยปี 2030 นี้ K-TECH จะมีพนักงานมากถึง 300 คน

ปัจจุบัน KBTG มีนวัตกรรมออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น KhunThong, MAKE และ Eatable หรือแม้แต่ Make แต่กระทิงมองว่านวัตกรรมต่อไปที่จะต้องมีคือ “AI as a Product” เขามองว่าอนาคต AI จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของ Product ต่างๆ นอกจากนี้กระทิงยังชี้ว่าถ้าหากมีโรงงานสำหรับ AI จะช่วยทำให้ AI เองมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 10 เท่า ซึ่งถ้าจะออกแอปพลิเคชันใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ตัว AI ที่สนับสนุนตัวแอปพลิเคชันเองก็จะต้องเร็วด้วยเช่นกัน

KBTG ยังมีทีมงานที่เกี่ยวข้องในด้าน Natural Language Processing หรือ NLP เพื่อพัฒนานวัตกรรมการประมวลผลภาษาไทย โดยมีผลงานของทีมนี้คือการนำนวัตกรรมไปใช้ในแชทบอทของธนาคารกสิกรไทยที่นำมาใช้ในช่วง COVID-19 ซึ่งสามารถลดปริมาณการโทรศัพท์เข้ามาที่ Call Center ได้เป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแค่นั้นทาง KBTG ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ อยู่ภายใน เช่น เรื่องของ Blockchain หรือแม้แต่ Quantum Computing ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นอนาคตอีกขั้นของการประมวลผล ซึ่งอาจเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

สำหรับเรื่องพันธมิตรที่ปัจจุบัน KBTG มีพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสมิติเวช บุญเติม หรือแม้แต่ร้านกาแฟอย่างแบล็กแคนยอน ที่ทาง KBTG ได้เข้าไปร่วมพัฒนานวัตกรรมด้วย รวมไปถึงล่าสุดได้จับมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการเปิดตัวแพลตฟอร์มลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย (Thailand Digital Asset Platform) โดยกระทิงได้กล่าวว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวนี้เป็นผลงานของทีม Deep Tech Research ขณะเดียวกันกระทิงยังได้กล่าวเสริมว่า KBTG เองก็จะต้องช่วยพันธมิตรทางธุรกิจในการทำ Digital Transformation ด้วยเช่นกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า รวมไปถึงอยู่ใน Ecosystem ต่างๆ ของลูกค้า หลังจากที่หลายๆ อุตสาหกรรมเองพบกับการดิสรัปจากเทคโนโลยี

แต่ทุกนวัตกรรมของ KBTG จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากไม่มีพนักงานที่มีศักยภาพสูง กระทิงมองว่าโครงสร้างองค์กรที่ดีจะช่วยผลักดันศักยภาพของพนักงานให้ไปได้ไกลกว่าเดิม “หลายๆ ครั้ง โครงสร้างขององค์กรเองที่ฉุดรั้งศักยภาพของพนักงาน ทำให้ KBTG เองก็ต้องปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงทำ Transformation เหมือนกันในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะเหนื่อยและยากก็ตาม” เขากล่าวเสริมว่าการ Transformation องค์กรภายใต้แนวคิด “วัน เคบีทีจี” (One KBTG) จะทำให้พนักงานเองทำงานได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันเขาเองก็พยายามที่จะทำให้พนักงานสามารถผลักดันความสามารถออกมาด้วย โดยเน้นย้ำเรื่องการรับฟังพนักงานไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตาม และต้องมีเรื่องความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งกระทิงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ

ขณะเดียวกัน KBTG เองก็ได้วางเรื่องของ Career Path ให้กับพนักงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการส่งพนักงานออกไปทำงานที่สำนักงานในต่างประเทศ เช่น จีน เวียดนาม หรือประเทศอื่นๆใน AEC ที่ธนาคารกสิกรไทยถือหุ้น ซึ่งลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยในอนาคตดอาจรวมๆ กันมีถึง 100 ล้านคน รวมไปถึงความจริงจังในการวาง Career Path ที่มากกว่าเดิม เพื่อที่จะทำให้พนักงานมองเห็นเป้าหมายของตัวเขาในอนาคต

ส่วนเรื่องการพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกคนก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ Re-Skill หรือ Up-Skill ของพนักงาน การเพิ่มทักษะของพนักงาน เช่น ทักษะบริหารจัดการให้กับพนักงาน เนื่องจากหลายๆ ครั้งมีการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น เพื่อที่จะทำงานได้มากขึ้น ไวขึ้น รวมไปถึงการเริ่มคุยกับมหาวิทยาลัยในการแทรกหลักสูตรในโครงการ Talent Ecosystem

คุณกระทิงยังได้เล่าถึง KBTG ในปีนี้จะมีพนักงานเพิ่มเข้ามาอีกเป็น 1,500 คน ขณะที่เป้าในปี 2025 คือ KBTG จะมีพนักงาน 1,900 คน และตั้งเป้าว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีพนักงานมากที่สุดในประเทศไทย มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมหาศาล และต้องการที่จะเป็น Talent Hub ของประเทศไทย และท้ายที่สุดสิ่งที่ KBTG ต้องการคือหากคิดถึงบริษัทเทคโนโลยีในประเทศไทยจะต้องมอง KBTG เป็น One of The Best Tech Company in Thailand

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา