Jokowi เตรียมโปรโมตเมืองหลวงใหม่ ผลักดันนูซันตาราให้เป็นฮับฟินเทคแห่งเอเชีย

โจโควี ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ฝันใหญ่เตรียมผลักดันเมืองหลวงใหม่ให้เป็นฮับแห่ง FinTech ของเอเชีย

ฝันอันยิ่งใหญ่ของโจโควี มรดกที่เขาจะทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังเมื่อลงจากตำแหน่งไม่ใช่ซากปรักหักพังจากการปกครองที่เลวร้าย แต่เป็นความหวัง ความฝัน และอนาคตใหม่จากเมืองหลวงใหม่ของประเทศ

Joko Widodo

การสร้างเมืองหลวงใหม่ของเขา ไม่เพียงเปลี่ยนภาพความทรุดโทรมของเมืองหลวงที่มีอยู่เดิม แต่ยังเพิ่มความท้าทายเข้าไปอีกด้วยการผลักดันให้กลายเป็นฮับแห่งฟินเทคของเอเชีย

โจโควี ตั้งเป้าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ทั้งการย้ายเมืองหลวงจาการ์ตาไปยังนูซันตารา (Nusantara) เมืองหลวงใหม่ที่กำลังปั้นให้เกิดขึ้นจริงที่เกาะบอร์เนียว เขาหวังว่าการย้ายเมืองหลวงนี้จะทำได้สำเร็จในปี 2045 และจะปั้นให้นูซันตาราเป็นฮับแห่งฟินเทคของเอเชีย สถานที่ที่เนืองแน่นไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้วยธุรกิจการเงินเป็นหลัก รวมทั้งสตาร์ทอัพด้วย

เตรียมสร้างทำเนียบประธานาธิบดีให้ทันฉลองวันชาติ ปี 2024 นี้

เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจโควี พร้อมด้วยรัฐมนตรีหลายรายเยือนกาลิมันตันตะวันออก พื้นที่ที่เตรียมสร้างเป็นเมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซีย เขาพักค้างคืนอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างนั้นพร้อมทวีตข้อความด้วยว่าตั้งใจจะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นทำเนียบประธานาธิบดีและสามารถฉลองวันชาติของอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม ปี 2024 ได้

ปี 2019 ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาประกาศแผนเตรียมย้ายเมืองหลวง โครงการดังกล่าวได้รับการลงสัตยาบันเมื่อมกราคม ปี 2022 ที่ผ่านมา โจโควีตั้งชื่อเมืองหลวงใหม่ว่า “นูซันตารา” (Nusantara) หรือหมู่เกาะในภาษาอินโดนีเซียน รัฐบาลตั้งเป้าจะให้นูซันตาราเป็นเมืองที่มีความเขียวขจี มีความร่มรื่น ขณะเดียวกันก็ต้องการให้เป็น Smart City ด้วย

นูซันตารา ฮับแห่งฟินเทค และ Smart City

Smart City ในที่นี้ก็คือต้องการทำให้เมืองมีความเป็นมิตรต่อเทคโนโลยีดิจิทัลด้วย โจโควีเคยให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เขาบอกว่า เราจะสร้างศูนย์กลางทางการเงิน (ที่เมืองนูซันตารา) แต่จะไม่ให้ออกมาแบบเดียวกับสิงคโปร์หรือฮ่องกง มันจะมีลักษณะเป็นศูนย์กลางหรือเป็นฮับแห่งฟินเทค เราจะสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนที่สามารถแข่งขันได้

รัฐบาลเตรียมพิจารณามาตรการที่จะดึงดูดบริษัทฟินเทคมายังเมืองใหม่ด้วย ทั้งการงดเว้นเงินได้ภาษีนิติบุคคลสำหรับธนาคารและบริษัทประกัน เช่นเดียวกับการเงินอิสลามที่ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายชารีอะห์ด้วย รัฐจะพิจารณาแผนที่จะงดเว้นภาษีเงินได้สำหรับคนทำงานชาวอินโดฯ ที่ทำอยู่ในภาคการเงิน ไปจนถึงเตรียมลดภาษี 50% ให้อีก และยังจะมีมีการลดหย่อนภาษีให้กับคนทำงานที่เป็นชาวต่างชาติด้วย

แผนที่จะดึงดูดให้มีการไหลเข้าทั้งแรงงานและบริษัทต่างชาตินั้นยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีการลดภาษี ไปจนถึงการเตรียมงดเว้นภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 30 ปีสำหรับโครงการที่จะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมบริการ เป็นโครงการที่อยู่ในช่วงปี 2022- ปี 2035

งดเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 25 ปีสำหรับโครงการที่จัดทำขึ้นในช่วงปี 2036- ปี 2045 บริษัทจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี 100% เป็นเวลา 10 ปีหากตั้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรที่เมืองนูซันตารา หรือย้ายสำนักงานใหญ่มาที่เมืองหลวงนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะถูกตัดออกเช่นกัน

ล่าสุด มีนักลงทุนสนใจราว 90 รายแล้ว มีทั้งสนใจมาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษา บริษัทจากต่างประเทศก็เช่นกัน มีทั้งตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ จีน และยุโรป ต่างแสดงตัวว่าสนใจจะมาลงทุนกันทั้งสิ้น

เปลี่ยนจากแขนขาทางการเมือง กลายเป็นฮับทางเศรษฐกิจ

จากก่อนหน้านี้ที่โจโควีตั้งใจจะย้ายเมืองหลวงเพื่อให้เมืองใหม่เป็นแขนขา กระจายหน่วยงานทางการเมืองไว้ และเก็บจาการ์ตาให้เป็นฮับทางด้านเศรษฐกิจ แต่เนื่องจาก จาการ์ตาเนืองแน่นไปด้วยผู้คน คราคร่ำไปด้วยการจราจรติดขัด ซ้ำยังมีน้ำท่วมบ่อยครั้ง เขาจึงตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังนูซันตาราเพื่อหวังว่าจะช่วยลดความหนาแน่นในจาการ์ตาได้บ้าง

การย้ายเมืองหลวงนี้ มีการประเมินว่าน่าจะใช้เงินราว 466 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะใช้งบครอบคลุมประมาณ 20% ส่วนที่เหลือมาจากภาคเอกชนและอื่นๆ เหตุผลที่ขยายบทบาทของนูซันตาราให้มีมิติเศรษฐกิจมากขึ้นก็เพื่อจะดึงดูดเงินลงทุนจากภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซียนี้มีการคาดการณ์โดย Google ว่าน่าจะเติบโตจาก 7.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.6 ล้านล้านบาทในปี 2022 เพิ่มเป็น 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.4 ล้านล้านบาทในปี 2025

ที่มา – Nikkei 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา