ในช่วงที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนถัดไปได้มีการขยับเพื่อแต่งตั้งทีมทำงานในระดับรัฐมนตรีอย่างคึกคัก โดยองค์ประกอบของรัฐบาลหน้ามีความน่าสนใจอย่างมากเนื่องจากถูกจัดวางโดยมีใจกลางคือความหลากหลายทั้งในแง่เพศและเชื้อชาติ
- สุนทรพจน์ Kamala Harris: สหรัฐฯ ดินแดนแห่งความเป็นไปได้ จงฝันให้ใหญ่ด้วยความทะเยอทะยาน | Brand Inside
- “จาเน็ท เยลเลน” ว่าที่ รมต. คลังหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกาในรัฐบาลของโจ ไบเดน | Brand Inside
หนึ่งการแต่งตั้งที่ได้รับความสนใจคือ การตั้ง จอห์น เคอร์รี่ เป็นผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศ (Special Presidential Envoy for Climate) และมีตำแหน่งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่บรรจุวาระด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นประเด็นด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการ โดยตำแหน่งนี้สามารถแต่งตั้งได้โดยไม่ต้องผ่านวุฒิสภา
สหรัฐฯ จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม
จอห์น เคอร์รี่ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของ บารัก โอบามา ซึ่งในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เขาให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ เขาเคยพยายามบรรลุข้อตกลงกับประเทศจีนในการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก่อนที่จะเป็นผู้เจรจาและพาอเมริกาเข้าร่วมข้อตกปารีส ในปี 2015
เคอร์รี่ ได้ทวีตข้อความหลังจากมีประกาศดังกล่าวว่า “รัฐบาลอเมริกาหลังจากนี้จะเป็นรัฐบาลที่จัดการวิกฤติสภาพภูมิอากาศเหมือนเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติเร่งด่วน” และ “ผมมีความภาคภูมิใจที่จะได้ร่วมงานกับ ประธานาธิบดีคนต่อไป พันธมิตรของเรา และผู้นำเยาวชนของความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะจัดการกับปัญหานี้ในฐานะผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศ”
การเมืองโลกแบบ “ก่อนทรัมป์” ในยุคหลังทรัมป์
การแต่งตั้ง เคอร์รี่ ซึ่งมีประสบการณ์ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป็นผู้ผลักดันโครงการ “World War Zero” ในปี 2019 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุด และการผนวกวาระด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นหนึ่งในประเด็นความมั่นคง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังปรับเปลี่ยนท่าที่เชิงนโยบายกลับไปสู่ยุค “ก่อนทรัมป์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหันกลับไปหา “ข้อตกลงปารีส 2015” ที่ ทรัมป์ถอนตัวออกและทิ้งพันธมิตรตะวันตกไว้เบื้องหลัง
ภูมิทัศน์การเมืองระหว่างประเทศหลังจากนี้จึงเป็นการที่สหรัฐอเมริกาหันกลับไปดำเนินนโยบายร่วมมือกับพันธมิตรตะวันตกในประเด็นต่าง ๆ ทั้ง สิ่งแวดล้อม การค้าเสรี จึงเป็นที่มาของการที่หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เอนเอียงมาทางไบเดน
ที่มา – Reuters, CNBC, Independent, The Verge
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา