บมจ. อินทัช ได้รายงานถึงผลประกอบการปี 2562 ที่ผ่านมา โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 11,775 ล้านบาท
บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ได้รายงานงบประจำปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทได้ประกาศผลประกอบการปี 2562 ได้ปัจจัยจากผลกำไรที่ดีขึ้นของเอไอเอส แต่ในปีที่ผ่านมาบริษัทก็ได้และรับรู้ผลขาดทุนจากไทยคมด้วย โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 11,775 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายปันผลครึ่งปีหลังหุ้นละ 1.30 บาท
สำหรับบริษัทลูกอย่าง AIS มีผลกำไรสุทธิในปี 2562 ที่ไม่รวมผลกระทบของมาตรฐานบัญชีไทยฉบับที่ 15 อยู่ที่ 31,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการให้บริการหลักเพิ่มขึ้น 5.3%
เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น ซึ่ง AIS สมีผู้ใช้บริการอยู่ที่ 42 ล้านราย เติบโต 2.1% จากปีก่อน ในส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง AIS มีลูกค้าไฟเบอร์ประมาณ 1 ล้านราย เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับรายได้อื่นๆ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์แก่ลูกค้าองค์กร ในส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่าย 4G และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ค่าใช้จ่ายทางการตลาด
ทางด้านของ ไทยคม นั้นในปีที่ผ่านมา ไทยคมขาดทุนจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 432 ล้านบาท เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการดาวเทียม เนื่องจากการลดลงของราคาขายต่อหน่วยจากการให้ส่วนลดลูกค้าไทยเพื่อต่อสัญญาระยะยาว รวมถึงการลดการใช้งานดาวเทียมบรอดแบนด์จากลูกค้าต่างประเทศ จึงทำให้ ณ สิ้นปี 2562 อัตราการใช้งานดาวเทียมแบบทั่วไปลดลงมาอยู่ที่ 55% ส่วนดาวเทียมบรอดแบนด์ลดลงมาอยู่ที่ 23% จากสภาวะการชะลอตัวของอุตสาหกรรมดาวเทียม การแข่งขันที่รุนแรง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ขณะที่ อินเว้นท์ (InVent) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนนั้น ในปี 2562 อินเว้นท์ใช้เงินลงทุน 111 ล้านบาท ใน 3 บริษัท คือ
- บริษัท ด็อกเตอร์เอทูแซด จำกัด ผู้พัฒนาและออกแบบแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้คนไข้เข้าถึงบริการทางการแพทย์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น 24 ชั่วโมงบนระบบออนไลน์
- บริษัท เพียร์ พาวเวอร์ จำกัด ผู้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินและออกแบบแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับนักลงทุนโดยตรงเพื่อช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการธุรกิจ
- บริษัท นินจา โลจิสติกส์ พีทีอี ลิมิเต็ด ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดความยุ่งยากในการส่งพัสดุ
ขณะเดียวกันทาง ยังได้ขายหุ้นที่ลงทุนในบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 30% ทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนภายใต้โครงการ อินเว้นท์ เติบโตขึ้นเป็น 1,058 ล้านบาท คิดเป็น 34% เพิ่มขึ้นจาก 791 ล้านบาท ในปี 2561 ทำให้ ณ สิ้นปี 2562 มีบริษัทที่อยู่ภายใต้โครงการอินเว้นท์รวมทั้งสิ้น 15 บริษัท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา