“ต่อไปพกมือถือเครื่องเดียวมามหาวิทยาลัยก็พอ” HUAWEI จับมือพระจอมฯ หวังปั้นคนไอทีร่วมงานด้วย

ถือเป็นครั้งแรกที่ HUAWEI ได้เข้ามาทำเรื่องการศึกษาในมหาวิทยาลัยไทย โดยเริ่มต้นกับพระจอมฯ ก่อน ทำเน็ตเร็ว 100 Gbps แรงสุด หวังปั้นคนเก่งไอที พร้อมทำงานกับบริษัทสายเทคฯ โดยเฉพาะ HUAWEI

Smart Education คือสิ่งที่ HUAWEI ต้องการดันให้เกิดขึ้น

ในโลกยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทและสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับธุรกิจทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่การศึกษา HUAWEI มองว่า การศึกษาในโลกสมัยใหม่ต้องไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ แต่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำให้ “ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลลดลง”

โรบิน หลู ประธาน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ทางบริษัทมองว่าการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญของการต่อยอดที่จำเป็นในอนาคต แต่การเรียนการสอนต้องไม่จำเจเหมือนในอดีต เพราะเรามีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Big Data และ Internet of Things สิ่งเหล่านี้สามารถทำลายกำแพงด้านการศึกษาที่เป็นอุปสรรคได้ เป็นต้นว่า ครูที่สอนดีๆ ในภาษาหนึ่งสามารถแปลภาษาไปในอีกภาษาหนึ่งได้ชนิดเรียลไทม์ เป็นการเรียนแบบใหม่ที่เรียกว่า Smart Education เน้นการ

.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบั(สจล.) ให้ข้อมูลว่า “การร่วมมือครั้งนี้เป็นการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เพราะเป็นแบบ SDN (Software defined Network) อธิบายอย่างง่ายคือ ตัวซอฟต์แวร์เป็นหลักใหญ่ของเทคโนโลยี ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ เพราะฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดที่มหาวิทยาลัยจัดเก็บจากนี้ไปก็จะอยู่เพียงแค่ในตู้คอนเทนเนอร์เพียงตู้เดียวก็ได้ ไม่ต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างเช่น ตึกหรืออาคารมารองรับอีกต่อหนึ่ง” มากกว่านั้น “ต่อไปนี้ นักศึกษาพกมือถือมาเครื่องเดียวก็เรียนหนังสือได้แล้ว เพราะข้อมูลทุกอย่างจะอยู่บน Cloud ทั้งหมด”

ซ้าย-เดวี่ ชิว รองประธานฝ่ายการตลาดและการขาย กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ สำนักงานใหญ่ กลาง-ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขวา-โรบิน หลู ประธาน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

เคลียร์ชัดๆ “HUAWEI” กับ “พระจอมฯ” ใครได้อะไรบ้าง?

ภายใต้ความร่วมมือนี้ ที่ทั้งสองขอยังไม่ตอบคำถามเรื่องเงินลงทุน เพราะมีการให้ข้อมูลเพียงแค่ว่าเป็นรูปแบบธุรกิจแบบพันธมิตรเท่านั้น

ด้านของมหาวิทยาลัยจะได้

  • ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็งสูงระดับ 100 Gbps ความเร็วระดับนี้สามารถต่อยอดไปทำนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อีกมาก เป็นต้นว่าอุปกรณ์ IoT ที่จะทวีความสำคัญมากยิ่งในอนาคต
  • Data Center ในมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเชื่อมต่อถึงกันหมด (อย่างที่บอกว่า แค่มือถือเครื่องเดียวก็มาเรียนได้)
  • การพัฒนาบุคลกรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแบบดิจิทัล ทุกคนจะคุ้นชินกับเทคโนโลยีด้วย Ecosystem ที่ออกแบบมาพร้อม

ด้านของ HUAWEI จะได้

  • การขยายพาร์ทเนอร์ผ่านการทำงานที่เข้มข้นมากขึ้น ในที่นี้คือการทำเรื่องการศึกษา ในท้ายที่สุดก็เป็นผลดีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทเอง
  • ที่น่าจับตามองคือ โครงการนี้จะปั้นคนไอทีที่เข้าใจ HUAWEI และทาง HUAWEI เองก็ไว้ใจให้มาร่วมงานด้วย

โซลูชั่น HUAWEI ไปมาหลายที่แล้ว มี 600 แห่ง 70 ประเทศทั่วโลก

HUAWEI อธิบายว่า ปัจจุบันได้ให้บริการโซลูชั่นทำนองนี้กับมหาวิทยาลัยกว่า 600 แห่งจาก 70 ประเทศทั่วโลก และยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา องค์กรต่างๆ รวมถึงมีโครงการฝึกงานให้กับนักศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะด้านไอที

ในปี 2009 เริ่มต้นการผลักดันเรื่องการศึกษาในจีนมาก่อนโดยเริ่มต้นทำกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในจีน ร่วมทุนกันประมาณ 20 แห่ง จากนั้นขยายออกไปจนตอนนี้ครอบคลุมกว่า 211 แห่งทั่วประเทศจีน เรียกได้ว่าใช้เวลาไม่ถึง 8 ปี ขณะนี้กำลังขยายโซลูชั่นการศึกษาแบบดิจิทัลลงไปสู่ในระดับมัธยมศึกษา-ประถมศึกษา และตามสถาบันต่างๆ แล้ว

สรุป : วิน-วินทุกฝ่าย มหาลัยได้ปั้นคนไอที HUAWEI ได้แรงงานถูกใจ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ HUAWEI มาจับมือทำ Smart Education ด้วย เป็นการวางฐานเพื่อเตรียมรับกับอนาคตที่จะถูก disrupt จากเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งบ่มเพาะการศึกษาต้องวิ่งตามโลกให้ทัน ถือเป็นด้านดีของความร่วมมือ แต่ต้องไม่ลืมว่าไม่มีทุนที่ไหนในโลกจะร่วมมือด้วยทัศนะแบบนั้นทั้งหมด อย่างน้อยที่สุด HUAWEI ก็จะได้ขยายแบรนด์ไปสู่ความรับรู้ในแง่ของการทำงานเพื่อสังคม สร้างงานสร้างอาชีพด้านไอทีให้กับคนไทย (และคนทั่วโลก, ทุกที่ที่ HUAWEI ส่งโครงการเหล่านี้ไป)

แต่จะว่าไปแล้ว อาจพอจะพูดติดตลกในเรื่องที่บอกว่า ต่อไปพกมือถือเครื่องเดียวมามหาวิทยาลัยก็ได้นั้น เอาเข้าจริง เป็นไปได้ว่า ในปัจจุบันนี้อาจมีหลายคนทำอยู่ ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยยังไม่ได้เป็นดิจิทัลเต็มตัวเลยก็ได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา